- รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มทยอยประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เช่น เยอรมนีได้อนุญาตให้ร้านค้าขนาดเล็กเปิดให้บริการในวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลาย และคาดว่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดในวันพฤหัสบดีนี้ โดยในส่วนของสหรัฐฯ นั้น เริ่มเปิดเมืองในบางส่วน แต่ยังเน้นสร้างระยะห่างทางสังคม และแบ่งเป็นระยะๆ โดยรัฐจอร์เจียจะเริ่มมีการเปิดเมืองในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ โดยจะอนุญาตร้านทำผม ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ศูนย์นวด กลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง และวันจันทร์ถัดไป ร้านอาหาร สโมสรต่างๆ รวมถึงโรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดทำการได้ต่อ
- จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก เชื่อเศรษฐกิจยังไม่กลับเป็นปกติในปี 2020 โดยมองว่าอุตสาหกรรมต่างๆ จะกลับมาได้เป็นบางส่วน และคาดหวังว่าส่วนที่เหลือจะกลับมาได้เร็วกว่านี้ รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะออกมาค่อนข้างแย่ ในระยะยาวเศรษฐกิจอาจกลับมาได้หลังโรคระบาดหายไป
- รัฐบาลเกาหลีใต้ผ่านร่างแผนเยียวยาเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 89.4 ล้านล้านวอน (72,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งออกเป็น 75 ล้านล้านวอน ช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบริษัทขนาดเล็ก และอุตสาหกรรมหลักของประเทศ อาทิ สายการบิน พลังงาน การต่อเรือ โทรคมนาคม และเซมิคอนดักเตอร์ รวมไปถึง SMEs ส่วนอีก 10.1 ล้านล้านวอนใช้พยุงตลาดแรงงานผ่านทางการช่วยเหลือธุรกิจที่ไม่ปลดพนักงาน และให้ความช่วยเหลือผู้ตกงาน และสร้างงานเพิ่ม
- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 4.2 ล้านราย ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 5.245 ล้านราย แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนสหรัฐฯ ตกงานรวมแล้วกว่า 21.78 ล้านราย ขณะที่เยอรมนีมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 42.0 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 47.8 จุด และอยู่ในแดนหดตัวอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19
- โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า ได้อนุมัติให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ทำลายเรือรบของอิหร่านได้ หากมีท่าทีอันตรายต่อเรือสหรัฐฯ หลังกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า เรือจากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) มีท่าทียั่วยุและอันตราย ขณะแล่นเข้าใกล้เรือของสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลางอีกครั้ง
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อยวานนี้ นำโดยสหรัฐฯ และยุโรป ที่ปรับขึ้นมากกว่า 2% จากทิศทางของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน รวมไปถึงการตอบรับต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านวุฒิสภามูลค่า 4.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน และทองคำที่ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน สืบเนื่องจากความกังวลในปัญหาตึงเครียดข้างต้น โดยทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนจะเข้าซื้อมากหากเกิดสถานการณ์ตึงเครียดขึ้น
สหรัฐฯ
- Dow 30 อยู่ที่ 23475.82 เพิ่มขึ้น 456.94 (1.99%)
- S&P 500 อยู่ที่ 2799.31 เพิ่มขึ้น 62.75 (2.29%)
- Nasdaq อยู่ที่ 8495.38 เพิ่มขึ้น 232.15 (2.81%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 10415.03 เพิ่มขึ้น 165.18 (1.61%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5770.63 เพิ่มขึ้น 129.6 (2.3%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2834.9 เพิ่มขึ้น 43.56 (1.56%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 16765.28 เพิ่มขึ้น 314.43 (1.91%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 19137.95 ลดลง -142.83 (-0.74%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5221.2 ลดลง -0.1 (0%)
- Shanghai อยู่ที่ 2843.98 เพิ่มขึ้น 16.97 (0.6%)
- SZSE Component อยู่ที่ 10617.19 เพิ่มขึ้น 110.34 (1.05%)
- China A50 อยู่ที่ 13110.74 เพิ่มขึ้น 113.9 (0.88%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23893.36 เพิ่มขึ้น 99.81 (0.42%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 10307.74 เพิ่มขึ้น 19.32 (0.19%)
- SET อยู่ที่ 1261.81 เพิ่มขึ้น 8.89 (0.71%)
- KOSPI อยู่ที่ 1896.15 เพิ่มขึ้น 16.77 (0.89%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4567.56 เพิ่มขึ้น 65.64 (1.46%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 31379.55 เพิ่มขึ้น 742.84 (2.42%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5573.75 ลดลง -18.5 (-0.33%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 14.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.38 (2.71%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 20.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.1 (5.6%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1711.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 23.79 (1.41%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters