วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) กิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก (รวมถึงประเทศไทย) ประมาณ 17,387 คน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท เช่น รถลีมูซีน รถเช่า รถแท็กซี่ รถโดยสาร ขสมก. และชัตเทิลบัส ให้ใส่ใจในด้านการรักษาความสะอาดของรถโดยสาร รวมไปถึงพื้นที่เคาน์เตอร์จุดให้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว เนื่องจากผู้ขับขี่รถและผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้โดยสารมากที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อจากทางเดินหายใจได้ง่าย
ด้วยเหตุนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด โดยได้กำหนดมาตรการในการทำความสะอาดเพื่อการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ดังนี้
- เน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานสวมหน้ากากขณะปฏิบัติงานตลอดเวลา พร้อมแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ผู้ขับขี่รถขนส่งสาธารณะและผู้ให้บริการ เพื่อสร้างความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี
- ติดตั้งขวดเจลล้างมือแอลกอฮอล์บริเวณจุดให้บริการรถโดยสารสาธารณะ
- แจกจ่ายน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับทำความสะอาดภายในรถขนส่งสาธารณะ
- เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดภายในห้องโดยสาร เบาะที่นั่ง ที่จับประตูรถ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดรถ ถุงมือ และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถลีมูซีน และชัตเทิลบัสของท่าอากาศยานเพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์