สำนักข่าว Reuters รายงานถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) ที่กำลังก่อให้เกิดกระแสความรู้สึกต่อต้านจีนแพร่กระจายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในต่างประเทศที่ติดป้ายไม่ต้อนรับลูกค้าชาวจีน หรือกระแสล้อเลียนพฤติกรรมเปิบพิสดารสัตว์แปลกในจีน
ต้นตอการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ของจีน ก่อนจะแพร่กระจายไปนับสิบประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวจีน อีกทั้งจีนยังเป็นมิตรประเทศที่คอยให้ความช่วยเหลือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและมีบทบาทอิทธิพลครอบคลุมไปถึงด้านการเมือง
แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่ช่วยให้ความรู้สึกต่อต้านจีนที่เกิดจากวิกฤตไวรัสระบาดในภูมิภาคนี้ลดลง
หนึ่งในชนวนจุดกระแสต้านจีนยังมาจากสาเหตุการระบาดของไวรัส ที่คาดว่าเริ่มต้นจากตลาดค้าส่งเนื้อสัตว์ป่าผิดกฎหมายในอู่ฮั่น ซึ่งนักวิจัยชี้ว่าอาจเป็นไวรัสที่มาจากค้างคาว ตามด้วยคลิปวิดีโอหญิงคล้ายชาวจีนกำลังกินซุปค้างคาว ก่อให้เกิดกระแสล้อเลียนรสนิยมเปิบพิสดารสัตว์แปลกของชาวจีนแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดีย
“หยุดกินค้างคาว ไม่แปลกใจเลยที่ชาวจีนกำลังทำให้เกิดโรคระบาดใหม่” ความเห็นส่วนหนึ่งจากผู้ใช้ทวิตเตอร์จากไทย เป้าหมายการท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน
ส่วน เวียดนาม ซึ่งเคยตกอยู่ใต้การยึดครองของจีนในหลายศตวรรษก่อน และเป็นคู่พิพาทของจีนในทะเลจีนใต้ ก็เกิดกระแสต่อต้านจีนผุดขึ้นในหลายเมือง เช่นเมืองท่องเที่ยวอย่างดานัง ที่โรงแรมบางแห่งถึงขั้นขึ้นป้ายไม่รับนักท่องเที่ยวจีน
“เพราะประเทศของคุณเป็นจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดโรค เราจึงไม่รับแขกที่มาจากจีน” ข้อความจากป้ายภาษาอังกฤษที่ติดอยู่หน้าโรงแรมริมแม่น้ำในดานัง
ผลสำรวจความเห็นจากข้าราชการ นักวิชาการ และผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดทำขึ้นในเดือนนี้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงการระบาดของไวรัสโคโรนา แสดงให้เห็นว่ากว่า 60% ยังคงไม่ไว้ใจจีน และคิดว่าจีนนั้นพยายามใช้อิทธิพลครอบงำประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กระแสต่อต้านจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ยังทำให้บางประเทศ อาทิ แคนาดา ต้องออกมาเตือนประชาชนไม่ให้แสดงท่าทีต่อต้านหรือแบ่งแยกชาวแคนาดาเชื้อสายจีน ขณะที่ในยุโรปมีรายงานจากสื่อหลายสำนักเรื่องการเลือกปฏิบัติและมีอคติต่อชาวจีน
ขณะที่ตอนนี้มีหลายประเทศที่เริ่มใช้มาตรการระงับการออกวีซ่าแก่ประชาชนจากมณฑลหูเป่ย หรือแม้แต่ระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ เห็นได้จากการลงนามร้องเรียนทางออนไลน์ของประชาชนหลายแสนคนในเกาหลีใต้และมาเลเซีย ที่ต้องการให้รัฐบาลของตนแบนชาวจีนทั้งหมดไม่ให้เข้าประเทศ
ทั้งนี้ความนิยมในการท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนช่วงหลายปีที่ผ่านมายังก่อให้เกิดรูปแบบการเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวทั่วโลกมากกว่า 160 ล้านคน
สำหรับ ปารีส ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน และมีชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก พบว่า เมื่อไม่นานมานี้มีชาวจีนหลายคนติดแฮชแท็ก #Jenesuispasunvirus (ฉันไม่ใช่ไวรัส) เพื่อรายงานกรณีการคุกคามชาวจีนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในระบบขนส่งสาธารณะ
ขณะที่ ซุน เลย์ ถัน ผู้จัดการบริษัทเอกชนวัย 41 ปี ที่เป็นลูกครึ่งจีน-กัมพูชา แต่ถือกำเนิดในฝรั่งเศส เปิดเผยเรื่องราวระหว่างที่เขานั่งรถไฟใต้ดินในปารีสเมื่อไม่นานมานี้ และพบว่าผู้โดยสารที่นั่งข้างเขาเริ่มแสดงอาการรังเกียจ โดยเปลี่ยนที่นั่งและหยิบผ้าพันคอขึ้นมาปิดปาก
“นั่นมันช็อกมากจริงๆ ผมรู้สึกอายมาก” ถันกล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
