การลงนามในข้อตกลงเฟส 1 ฉบับประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนช่วยคลี่คลายความไม่แน่นอนต่างๆ เกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสองฝ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่หนุนตลาดทั่วโลกตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 มกราคม) โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 90.55 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 29,030.22 จุด ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 29,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,289.29 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด หรือ 0.2% ส่วนดัชนี Nasdaq บวก 7.37 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 9,258.70
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียก็ขยับบวกกันหลายประเทศในเช้าวันนี้ (16 มกราคม) นำโดยดัชนี Nikkei ตลาดหุ้นโตเกียว ปรับตัวขึ้น 0.12% แตะระดับ 23,944.73 จุดในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของการซื้อขาย ส่วนดัชนี Hang Seng ตลาดหุ้นฮ่องกงทะยานขึ้น 185.06 จุด หรือ 0.64% ณ เวลา 9.38 น. ตามเวลาไทย
สำหรับข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่เพิ่งลงนามกันเสร็จสิ้นนั้น กำหนดให้จีนต้องนำเข้าสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่ม 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2020 และ 1.23 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพื่อให้รวมเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์ตามที่จีนตกลงไว้
นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการที่จีนต้องเร่งแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และต้องไม่บังคับบริษัทสหรัฐฯ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่จีน
ขณะที่สหรัฐฯ จะลดกำแพงภาษีที่เรียกเก็บกับสินค้าจีนมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ จากอัตรา 15% เหลือ 7.5%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อตกลงเฟส 1 จะสร้างบรรยากาศที่ดี และคลี่คลายความไม่แน่นอนลงได้บางส่วน แต่นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า ข้อตกลงฉบับนี้มีความเปราะบาง และยังมีโอกาสที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสั่งขึ้นภาษีกับจีนอีก หากพบว่าจีนทำตามข้อตกลงไม่ครบถ้วน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: