×

ตลาดหุ้น Wall Street ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตึงเครียดหนัก

03.08.2022
  • LOADING...
ตลาดหุ้น Wall Street

ดัชนีหุ้นในตลาด Wall Street เมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม) ปิดตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนในตลาดพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐฯ กับจีน ที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาะไต้หวัน โดยไม่สนใจคำคัดค้านแกมขู่ของทางรัฐบาลจีน

 

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยฉุดรั้งจากการออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะภาวะเงินเฟ้อแนวโน้มลากยาวไปจนถึงกลางปีหน้า

 

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรม Down Jones ปรับตัวลดลง 402.23 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 32,396.17 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 27.44 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 4,091.19 จุด และดัชนี Nasdaq Compoiste ลดลง 20.22 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 12,348.76 จุด แม้ว่ารายงานผลประกอบการของบางบริษัท เช่น Uber จะมากกว่าที่คาดการณ์จนดันให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 18.9%

 

โดยก่อนหน้าที่จะมีรายงานยืนยันการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี ตลาดหุ้น Wall Street ก็ขยับไปในแดนลบมากกว่าแดนบวกอยู่แล้ว หลังจากที่บรรดาประธาน Fed ประจำสาขาชิคาโก, ซานฟรานซิสโก และคลีฟแลนด์ มองเห็นตรงกันว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในขณะนี้ยังไม่แตะระดับพีค และมีโอกาสขยับขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องขยายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงกลางปี 2023

 

หลังจากนั้นตลาดก็ได้รับข่าวร้ายฉุดให้ร่วงลงอีก หลังมีรายงานว่า เพโลซีเดินทางถึงกรุงไทเปของไต้หวัน โดยไม่สนใจท่าทีและคำเตือนของรัฐบาลจีนที่มองว่าการเยือนไต้หวันเป็นการยั่วยุที่ก่อให้เกิดความข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น และเป็นการคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพของรัฐบาล

 

ขณะที่เพโลซีแย้งว่า การเดินทางของตนเองคือการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสหรัฐฯ ที่มีต่อเกาะปกครองตนเองอย่างไต้หวัน

 

นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่า การตัดสินใจของเพโลซีสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงกับทางรัฐบาลจีน จนส่งผลกระทบต่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ยืนยันได้จากการที่กระทรวงกลาโหมจีนออกมาประกาศในคืนอังคาร (2 สิงหาคม) ว่าทางกองทัพอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมระดับสูง และเตรียมจะเปิด ‘การปฏิบัติการทางทหารแบบมีเป้าหมาย’ (Targeted Military Operations) ในการตอบโต้กับการที่เพโลซีเดินทางไปเยือนไต้หวัน

 

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทองคำกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยมีรายงานว่า บรรดานักลงทุนหันมาแห่ซื้อถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะในการรักษาความมั่งคั่งของตนเอง

 

รายงานระบุว่า ราคาทองคำเมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม) ปิดตลาดปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,789.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

ขณะที่ราคาน้ำมันขยับปรับขึ้นมาเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 100.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนต่างจับตาข้อมูลปริมาณคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (3 สิงหาคม) ซึ่งจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์ทางอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศที่บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก

 

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาการประชุม OPEC+ ที่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย มีกำหนดหารือกันในวันพุธ (3 สิงหาคม) โดยบรรดาแหล่งข่าวเผยว่าจะมีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังผลิตที่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจมีการปรับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่าไม่น่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังผลิตแต่อย่างใด

 

นอกจากนี้ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สขยับขึ้นน้อยกว่า 1% ท่ามกลางความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอาจจำกัดความต้องการพลังงาน

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising