เศรษฐกิจไทยชะลอตัวในรอบ 5 ปี สาเหตุหนึ่งเพราะการส่งออกหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่ภาวะนี้นักลงทุนจะนำเงินไปลงทุนที่ไหน ต้องบริหารพอร์ตลงทุนอย่างไร
เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ฝั่งไทยก็น่าจะไม่โต ต้องลงทุนอย่างไร
ระยะนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงชัดเจน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยงจากทั่วโลก เช่น สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน (Trade War), ภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง, ความขัดแย้งระหว่างจีน-ฮ่องกง, กรณีเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น, Brexit ฯลฯ
จากปัญหาทั้งหมดนี้ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และนักลงทุนมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อบริหารพอร์ตลงทุนให้มีผลตอบแทน
คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) กล่าวกับ THE STANDARD ว่าปัจจุบันแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเสี่ยงของภาวะถดถอย (Recession) ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดดอกเบี้ย และการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ความเสี่ยงโลกเพิ่ม TISCO ESU ชี้ ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นโลก
ทั้งนี้จากปัญหาทั่วโลกทาง TISCO มองว่ากลุ่มประเทศที่ควรลดน้ำหนักการลงทุนในระยะนี้ ได้แก่ เกาหลีใต้และไต้หวัน เพราะราคาหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อาจปรับตัวลดลงจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นว่ามีประเทศใดที่ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) อาจต้องรอดูความชัดเจนสถานการณ์ต่างๆ ของโลกไปอีก อย่างไรก็ตาม แนะนำการลงทุนทั้งสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างทองคำและทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) รวมถึงหุ้นกลุ่ม Health Care
โลกผันผวน TISCO ชี้สินทรัพย์หลบภัย 3 กลุ่ม
1. ทองคำ ในช่วงเศรษฐกิจขาลง ทองคำมักเป็นขาขึ้น ทำให้หลายคนมองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีขึ้นด้วย ขณะเดียวกันทองคำยังได้รับผลดีจากการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารกลางหลายประเทศ เพราะทองคำมี Supply จำกัด แต่เมื่อมีเงินอัดฉีดเข้าระบบ Supply ของเงินมากขึ้น จึงผลักดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ราคาทองคำในประเทศไทยขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2562
2. REITs การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกมีความน่าสนใจ เพราะมีการจ่ายกระแสเงินสดสม่ำเสมอ จึงเหมาะสมสำหรับการลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างต่ำ โดย REITs ที่น่าสนใจคือการลงทุนในเมืองใหญ่ทั่วโลกเพราะปัจจุบันที่ดินในเมืองใหญ่มีจำนวนจำกัด ทำให้หลังการอัดฉีดสภาพคล่องอสังหาริมทรัพย์ ส่วนนี้จะได้รับผลประโยชน์ให้ราคาขึ้นคล้ายกับทองคำ
3. หุ้นกลุ่ม Health Care ในภาพรวมจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาวจาก Mega Trend เรื่องสังคมผู้สูงวัย ดังนั้นหุ้นกลุ่ม Health Care มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัว เพราะกำไรในธุรกิจนี้ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจโลกมากนัก
ทั้งนี้ตัวอย่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย 3 ครั้งล่าสุดในปี 1990, 2001 และ 2008 กำไรของตลาดหุ้นโดยรวม (ดัชนี S&P50) ลดลงถึง -28%, -22% และ -36% ตามลำดับ ในขณะที่กำไรของบริษัทในกลุ่ม Health Care สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ +9%, +9% และ +4% ในช่วงเดียวกัน จากทั้ง 3 ช่วงจะเห็นว่าแม้เศรษฐกิจถดถอย แต่กำไรของธุรกิจนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์