จากบีทีเอสสนามเป้า ทางออกหมายเลข 4 เรามาหยุดที่ตึกแถวสามชั้น บันไดแคบๆ ด้านข้างนำเราไปสู่ชั้นบนสุด ซึ่งมีประตูพร้อมกระจกกลม เผยให้เห็นห้องที่มีดีเทลขัดกับตัวอาคาร ที่ดูเหมือนจะยังเรนเดอร์ความเก่า-ใหม่ไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ชักชวนเราเดินเข้าไปเพื่อสำรวจ (ตึกเดียวกับ วาร์ปไปอวกาศพร้อมจิบคราฟต์เบียร์กว่า 20 แท็ป ที่ Bottle Rocket)
จากตึกร้างติดบีทีเอส บี-อิศราภรณ์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ และ บุณ-ศุทธบุณย์ ไทรม้า สองหุ้นส่วนได้ร่วมกันออกแบบ รีโนเวต และเรนเดอร์ไอเดียและความชอบของเขาทั้งสองให้กลายมาเป็น Sunray ร่มเงาหลังอาทิตย์อัสดง แหล่งแฮงเอาต์สุดชิลที่บรรยากาศไม่เหมือนอยู่กรุงเทพฯ ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เช่น ประตูทางเข้าร้านที่เจาะช่องกระจกกลม โทนสีอุ่น อิฐปูนเปลือย เพลย์ลิสต์เพลงสากลอินดี้ และความโซลทั้งหลาย ทำให้เราเผลอรู้สึกเหมือนอยู่ในคาเฟ่ชิคๆ ย่านฮันนัมดง จนเราต้องเตือนสติตัวเองว่า ที่นี่คือบาร์นะ
The Vibe
Sunray เริ่มมีชีวิตชีวาทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป หลังจากเทิร์นดาวน์แล้ว เสียงเพลงแนวอินดี้ป๊อปและดิสโก้ก็เริ่มดังขึ้น พร้อมกับแสงสลัวที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ตัวร้านแบ่งเป็น 3 โซน สายโซโล่แนะนำทำเลหน้าบาร์ สายชิคๆ เน้นความเป็นสาวสังคมให้จับจองโต๊ะกลม โต๊ะเล็ก หรือโซฟาหันหลังติดหน้าต่าง ส่วนพลพรรคสังสรรค์ฮาเฮ มีมุมนั่งรับลมเย็นพร้อมวิวบึงหลังร้าน
The Dishes
แม้ลิสต์อาหารและเครื่องดื่มจะมีไม่มาก แต่มั่นใจได้ว่าทุกอย่างผ่านการคัดสรรมาแล้วทั้งนั้น อาหารจะเน้นรับประทานง่ายและเหมาะกินเป็นกับแกล้มแบ่งกันในหมู่เพื่อนฝูง ไม่หนักท้องมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อิ่ม เพราะถ้าอยากกินอะไรที่หนักขึ้นมาหน่อยก็มีเช่นกัน ส่วนค็อกเทลมีทั้งซิกเนเจอร์ดริงก์ 5 ตัว และแบบคลาสสิกทวิสต์ 6 แก้ว ให้เลือกสั่ง
Spicy Salmon Salad (220 บาท)
แซลมอนกับอาหารการกินของคนไทยดูจะเป็นสิ่งคู่กันไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ Sunray มี Spicy Salmon Salad (220 บาท) ยำแซลมอนที่เสิร์ฟและแต่งจานมาในสไตล์นอร์ดิก แต่ยังคงรสจัดจ้านถึงเครื่องแบบไทย ด้วยส่วนผสมของมะเขือเทศ แตงกวา หอมแดง และน้ำยำสูตรเฉพาะผสมผักชีลาว มีกลิ่นหอมและเพิ่มรสชาติแซลมอน ไม่ว่าจะแพริ่งกับเบียร์หรือค็อกเทลก็เข้ากันทั้งนั้น
Smoked Pork Ribs (240 บาท)
อีกหนึ่งเมนูแนะนำจากคุณบี ส่งกลิ่นหอมฉุยตั้งแต่ยังไม่ถึงโต๊ะ กับ Smoked Pork Ribs (240 บาท) ซี่โครงหมูรมควันเครื่องเทศ 8 ชนิด เป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง จนได้ทั้งกลิ่นและรสชาติกลมกล่อม เนื้อล่อนกินง่าย เสิร์ฟในถาดหลุมพร้อมแตงกวาดอง ซอสมะเขือเทศ และมัสตาร์ด เราแนะนำให้จับคู่กับวิสกี้ค็อกเทลสักแก้วจะดีที่สุด
Fettuccine Arrabiata with Sausage (220 บาท)
ถ้ากับแกล้มยังไม่พออิ่ม ทางร้านก็ยังมีเมนูข้าวหน้าหมูตุ๋น หรือข้าวกะเพราคลุกเนื้อย่าง ส่วนเมนูเส้น อาทิ สปาเกตตีผัดกระเทียมและเบคอน หรือลองสั่งตามเรา Fettuccine Arrabiata with Sausage (220 บาท) เส้นเฟตตูชินีผัดไส้กรอกหมูในซอสอาราเบียตา ซึ่งเป็นซอสที่เบสด้วยมะเขือเทศผสมพริกป่นที่นำไปผัดในน้ำมันมะกอก จนกลายเป็นซอสมะเขือเทศที่มีรสเผ็ดร้อนถูกปากคนไทย และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีมาสคาร์โปเนชีสท็อปมาคลุกกินพร้อมเส้นด้วย
The Drinks
Old Rose (280 บาท)
มาถึงค็อกเทลกันบ้าง ใครชอบแนวสดชื่นคงถูกใจ แก้วแรกสีส้มสดใสมาในแก้วไวน์ Old Rose (280 บาท) เบสด้วยเหล้าจินผสมน้ำส้มและน้ำเชื่อมกุหลาบ เชกจนเข้ากัน แล้วโรยกลีบกุหลาบเป็นอันเสร็จพิธี ดริงก์นี้ดื่มง่ายและเข้ากับสภาพอากาศของกรุงเทพฯ เป็นที่สุด
Blooming Ray (120 บาท)
เอาใจคนชอบเหล้าบ๊วยกับ Blooming Ray (120 บาท) เหล้าบ๊วยที่ร้านทำขึ้นเองจากบ๊วยจีน รสชาติติดเค็มนิดๆ ผสมกับโซดา และเพิ่มสีสันด้วยเปลือกเลมอนและเม็ดทับทิม
What You Should Know:
- เสร็จจาก Sunray เราแนะนำให้ลงไปจิบเบียร์ต่อที่ Bottle Rocket ชั้น 2 บรรยากาศดี แถมมีดนตรีสดอีกด้วยนะ
- จากบีทีเอสสนามเป้า ลงบันไดทางออกที่ 4 แล้วจะถึงปากทางขึ้นร้านทันที
Sunray
Open: ทุกวัน เวลา 18.00-00.30 น.
Address: ถนนพหลโยธิน (บีทีเอสสนามเป้า ทางออกที่ 4)
Budget: 300-800 บาท
Contact: 08 0111 1333
Website: www.facebook.com/Sunray-1163647027132125
Maps:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล