ไม่กี่วันก่อน สุสานโบราณโมซุ-ฟูรูอิจิ (Mozu-Furuichi Kofun) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ส่งผลให้ซาไก (Sakai) อดีตเมืองท่าเก่าแก่ของญี่ปุ่น กลับมาจัดอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้งในหมู่คนชอบเที่ยว
ซาไกเป็นเมืองเล็กในเขตจังหวัดโอซาก้า อดีตเคยเป็นเมืองท่าใหญ่และสำคัญที่สุดของญี่ปุ่นยุคกลาง สินค้าสำคัญจากต่างแดนเกือบทั้งหมดต้องมาขึ้นยังท่านี้ กาลเวลาผ่านไป เมื่อถนนตัดเข้าผ่าน จากที่เคยรุ่งโรจน์ก็เสื่อมถอยลง ความเจริญทั้งหมดมุ่งสู่ตัวเมืองโอซาก้า เปลี่ยนซาไกให้กลายเป็นเมืองเล็กเงียบสงบที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
Sakai Risho No Mori
คนที่ติดตามวงการแอนิเมชัน หรือมังงะ ย่อมคุ้นชื่อปรมาจารย์ Sen no Rikyu ดี เพราะชื่อของท่านปรากฏอยู่ในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง ชายผู้วางรากฐานและเผยแพร่วิธีชงชาให้แพร่หลายไปทั่ว ปรับเปลี่ยนขนบดั้งเดิมที่มีไว้เพื่อชนชั้นสูงหรือกษัตริย์เท่านั้นให้กลายเป็นศาสตร์ที่เข้าถึงง่ายสำหรับประชาชน ฝั่งรากลึกกลายเป็นวัฒนธรรมขนานแท้ของแดนอาทิตย์อุทัยที่คนทั้งโลกหลงใหล Sakai Risho No Mori หรือ Sakai Plaza of Rikyu and Akiko จึงนับเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงความยิ่งใหญ่ของซาไกในฐานะเมืองท่าในอดีต โดยมีท่าน Sen no Rikyu เป็นตัวเอกของงาน
มาที่นี่นอกจากได้ความรู้เกี่ยวกับเมืองซาไกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดคือการเข้าร่วมพิธีชงชาโดย 3 สำนักใหญ่ ผู้สืบทอดศาสตร์จากท่าน Sen no Rikyu สายตรง สนนราคาเพียง 500 เยน ซึ่งถือว่าถูกมากถึงมากที่สุด ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ยังเป็นพื้นที่อาศัยเดิมของท่าน Rikyu ปัจจุบันเหลือไว้เพียงบ่อน้ำดั้งเดิมที่ท่านนิยมใช้เพื่อชงชาเพียงเท่านั้น
Ginshari Geko Tei
ห่างจากตัวพิพิธภัณฑ์เพียง 10 นาทีเดิน มีร้านอร่อยควรค่าเช็กอินอยู่ร้านหนึ่ง Ginshari Geko Tei เป็นร้านข้าวบรรยากาศธรรมดาที่มีชื่อเสียงเรื่องข้าวอร่อยระดับประเทศ Tsutomu Murashima เจ้าของร้านเป็นชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหุงข้าว และหุงอร่อยมากเป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น จนได้รับฉายา ‘ปรมาจารย์ด้านการหุงข้าว’ เสียดายวันที่เราไปอาจารย์ Tsutomu ไม่อยู่ประจำร้าน เลยไม่มีโอกาสชักภาพรวมกัน รสชาติข้าวที่ลิ้มลองไม่ทำให้ผิดหวัง เม็ดข้าวเรียงตัวสวย นุ่มกำลังดี ไม่แฉะหรือแข็งเกินไป ทั้งยังร้อนระอุ มีกลิ่มหอมและรสชาติเฉพาะตัว ปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้เขียนเลยว่า การหุงให้อร่อยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมิใช้เรื่องง่าย กับข้าวภายในร้านจะเตรียมไว้เป็นจานเล็ก ให้เดินเลือกหยิบตามสบายเกือบ 20 เมนู ชอบแบบไหนก็กินแบบนั้น ซึ่งราคาไม่แพง รวมทั้งข้าวและกับ 4-5 อย่าง สนนราคารวมกันไม่ถึงพันเยน
ร้านทำมีดอายุ 140 ปี ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น รับทำมีดทุกชนิด ตั้งแต่มีดในครัวเรือนยันดาบญี่ปุ่นคุณภาพสูง วิธีการผลิตทั้งหมดเป็นแบบดั้งเดิม ทำด้วยมือทุกขั้นตอน ราคาค่างวดจึงสูงเป็นพิเศษ ใครที่อยากชมวิธีการผลิตอย่างใกล้ชิด ทางร้านก็เปิดให้เข้าชม แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าสักหน่อย เพราะพื้นที่โรงงานค่อนข้างอันตราย ว่ากันว่ามีดที่ผลิตตีตราเมืองซาไกร้อยทั้งร้อยเป็นมีดคุณภาพสูง เมืองซาไกจึงมีร้านมีดคุณภาพให้เลือกมากมาย ซึ่งหากใครอยากเลือกซื้อมีดหลายร้านให้เบ็ดเสร็จในคราวเดียว ให้มุ่งตรงไปที่ Sakai City Traditional Crafts Museum ที่นี่มีมีดทุกชนิด ทุกแบบ ทุกราคาให้เลือกซื้อ ที่เดียวอยู่
เป็นอีกหนึ่งร้านขนมชื่อดังของเมืองซาไก ที่มีพื้นฐานมาจากแบรนด์ชาเขียว เดินทางสะดวกมาก อยู่ห่างจากสถานีรถราง Shimmei-cho เพียง 1 นาทีเดิน ตัวอาคารด้านนอกมีกลิ่นอายของบ้านญี่ปุ่นโบราณ ด้านในถูกปรับแต่งให้ทันยุคสมัย แบ่งเป็นส่วนร้านค้าด้านหน้าและคาเฟ่ด้านในไว้เอกเขนก จิบชาชมสวนสวยเพลินๆ เมนูดังของร้านคือ ชา Sencha ชาเขียวใบในน้ำร้อน จิบทีกลิ่นหอมอบอวลในปาก มีรสขมฝาดเล็กๆ ในลำคอ กินคู่กับโมจิชาเขียว หวานหอมกลมกล่อมกำลังดี สาวๆ ผู้ชอบพาเฟต์ แนะนำให้สั่งไอศกรีมชาเขียวรสเข้มข้น ได้รสชาเขียวแท้เต็มคำ ยิ่งหม่ำคู่กับเครื่องเคียงทั้งหลายด้วยแล้ว ฟิน!
Kan Bukuro
ร้านขนมชื่อดังของซาไกระดับตำนานอีกแห่งที่ต้องปักหมุดไว้แน่นๆ Kan Bukuro เป็นร้านขนมพื้นเมืองดั้งเดิม ขึ้นชื่อเรื่องโมจิเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ เปิดมาแล้วถึง 27 รุ่น ไม่ต่ำกว่า 800 ปี มีสาขาเดียวทั่วประเทศ ไม่มีแฟรนไชส์ ไม่ออกงานอีเวนต์ใดๆ ถ้าอยากกินต้องมาที่เมืองซาไกเท่านั้น ถือเป็นตำนานของตำนานเลยก็ว่าได้ ตัวร้านหาไม่ยากอยู่ตรงหัวมุมถนน ใกล้กับที่จอดรถสาธารณะ ด้านในกว้างขวาง มีสวนเล็กๆ ไว้พักสายตา เสิร์ฟขนม 2 ชนิด คือ Kuromi Mochi โมจิเหนียวนุ่มราดด้วยซอสหวานสีเขียว รสชาติซอสมีถั่วเป็นส่วนผสมหลัก มีกลิ่นเย็นๆ ของมินต์เล็กน้อย สูตรเฉพาะไม่เผยแพร่ส่วนผสม และยังคงเป็นความลับจนถึงปัจจุบัน อีกเมนูเป็นน้ำแข็งใส Kuromi Mochi เหมาะกินในหน้าร้อน ดับไอร้อนระอุได้ดีนักแล
Mozu-Furuichi Kofun
ปิดท้ายทริปด้วยแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของญี่ปุ่น สุสานโบราณโมซุ-ฟูรูอิจิ ประกอบด้วยเนินสุสานทั้งหมด 49 แห่ง ในสามเขตเมืองซาไก ฮาบิกิโนะ และฟูจิอิเดระ ของจังหวัดโอซาก้า กลุ่มสุสานนี้สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 4 ถึงปลายศตวรรษที่ 5 เชื่อกันว่า 29 แห่งเป็นที่บรรจุพระศพของอดีตพระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินี และสมาชิกราชวงศ์ของญี่ปุ่น และสุสานรูปรูกุญแจในเขตเมืองซาไกนั้นสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระศพของพระจักรพรรดินินโทคุ จักรพรรดิองค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น
บุคคลทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมชมสุสานด้านในได้ ได้เพียงแค่คารวะทำความเคารพพระศพของพระจักรพรรดิเพียงด้านหน้าของสุสาน แต่ถ้าใครอยากเห็นความงดงามมุมสูง สามารถดูได้จากห้องโถงหอคอยที่ว่าการเมืองซาไก ใครที่มี Kansai Pass ของ JR West เข้าชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
แม้ซาไกเป็นเพียงเมืองเล็กที่ไม่ได้มีบรรยากาศหวือหวาเหมือนโอซาก้า แต่ผู้เขียนยอมรับเลยว่า 1 วันในซาไกรู้สึกประทับใจมาก ของกินอร่อย เที่ยวง่าย นั่งรถรางสายเดียวก็วนได้รอบเมือง แถมยังได้รู้สึกถึงประวัติศาสตร์ และรากเหง้าของคนเหล่านั้น หลายคนที่ผู้เขียนเคยคุ้นชื่อยามอ่านการ์ตูนอย่าง Sen no Rikyu อีก ใครที่มองหาที่เที่ยวรอบโอซาก้า มาใกล้ มาง่าย สะดวก ปักหมุดวันชิลๆ ของคุณที่เมืองซาไก รับรองไม่มีผิดหวัง (แค่มากินขนมร้านดั้งเดิมที่สืบทอดมา 800 ปี ก็คุ้มของคุ้มแล้ว!)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
- เมืองซาไกไม่มีห้างใหญ่ไว้ช้อปปิ้ง แนะนำ Don Quijote สาขา Shin Kanaoka อยู่ใจกลางเมือง นั่งรถไฟสาย Midosuj (Osaka Subway) ลงสถานี Shin-Kanaoka แล้วเดินต่อประมาณ 7 นาที ติดถนนใหญ่ สาขานี้มีชั้นเดียว แต่ขนาดใหญ่และของเยอะมาก แถมยังเปิดถึงตี 3 เหมาะกับช้อปของเก็บตก ก่อนแพ็กของกลับบ้าน www.donki.com
- เที่ยวภูมิภาคคันไซให้สนุกหายห่วง เดินทางหลายจังหวัด แนะนำให้ซื้อ Kansai Area Pass และ Kansai Wide Area Pass บัตรโดยสารแบบจ่ายเหมา ที่จัดจำหน่ายให้แก่คนต่างชาติเท่านั้น หาซื้อได้ตามบริษัททัวร์ ดูรายละเอียดได้ที่ www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/shop
Getting There
- สายการบินไทย มีเที่ยวบินตรงสู่โอซาก้าทุกวัน สอบถามตารางบินได้ที่ www.thaiairways.com
Special Thanks
Kansai Gastronomy Tourism Promotion Council Office