เพราะชีวิตเราสั้นเกินกว่าที่จะกินของอะไรที่ไม่อร่อยหรือไม่ใช่ของดี เรื่องราคานั้นก็เป็นอีกเรื่อง ไม่ใช่ว่าของที่แพงแล้วจะต้องดีเสมอไป คนไทยบางส่วนมักมีค่านิยมชมชอบของนำเข้าจากต่างประเทศ แต่เมืองไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ คนไทยก็เก่งและเอาจริงเอาจังในเรื่องกินไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่เราอยากจะแนะนำโปรดักต์เกี่ยวกับการดื่มกินดีๆ ที่เกิดจากฝีมือของคนไทย หรือใช้ผลผลิตท้องถิ่นของแผ่นดินไทยมาสร้างสรรค์ บ้างก็เป็นผลิตผลของแบรนด์ไทยในต่างแดน นอกจากจะเพื่อบอกต่อแล้วยังเป็นการให้กำลังใจกับบรรดาผู้ผลิตของดีๆ มาให้เราได้ลิ้มรสอีกด้วย
จะมีอะไรบ้าง มาดูและเสาะหามาชิม มาดื่มกันได้เลย!
1. มอนซูน แวลลีย์ เชนิน บลอง เลท ฮาร์เวสต์ (Monsoon Valley Chenin Blance Late Harvest)
ราคา: 850 บาท
เสาะหาได้ที่: ไร่องุ่นหัวหินฮิลล์, Gourmet Market และ Villa Market
ไวน์หวานขวดนี้ผลิตจากองุ่นซึ่งปลูกที่ไร่องุ่นหัวหินฮิลส์ (Hua Hin Hills Vineyard) บ่มมาจากองุ่นพันธ์ุเชนิน บลอง (Chenin Blanc) ที่จงใจทิ้งให้สุกคาต้นเพื่อให้ลูกองุ่นได้ซึมซับความหวานได้มากขึ้น หมักในอุณหภูมิต่ำอย่างช้าๆ ทั้งในถังไม้โอ๊กและถังสเตนเลสนานนับปี ไวน์ขวดนี้รสชาติคล้ายเกสรดอกไม้ ชุ่มฉ่ำด้วยกลิ่นแอปเปิ้ลและลูกพีชสีขาว เป็นไวน์ที่เข้มข้น รสชาติกลมกล่อม และกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกสดชื่น ได้รับเหรียญรางวัลทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดงจากการแข่งขันไวน์ระดับโลกหลายรายการในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับของหวาน หรือคู่กับตอนละเลียดชีสและผลไม้ตบท้ายมื้ออาหารก็ดีงาม แต่หวานดื่มง่ายแบบนี้ ระวังจะเมาไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน
2.เมจิก อัลคูล (Magic Alcool)
ราคา: เริ่มต้นตั้งแต่ 380 บาทขึ้นไป (มีทั้งขนาด 330-700 มิลลิลิตร)
เสาะหาได้ที่: Magic Alambic Rum Distillery เกาะสมุย, บาร์หรือร้านขายของที่ระลึกบนเกาะสมุย
สุราขาวกลั่นชุมชน เมจิก อัลคูล หรือที่รู้จักกันในนาม ‘สมุยรัม’ มีประวัติความเป็นมาย้อนกลับไปมากกว่าสิบปี นับตั้งแต่คุณลุงคุณป้าสามีภรรยาชาวฝรั่งเศสคู่หนึ่งตัดสินใจเดินทางมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่เกาะสมุยของเมืองไทย คุณป้าซึ่งพื้นเพเป็นชาวตรินิแดด ซึ่งเป็นเกาะแห่งรัม พอจะรู้กรรมวิธีการทำเหล้ารัมอยู่บ้าง เห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลอ้อยคุณภาพดี ซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการทำเหล้ารัม ทั้งคู่จึงได้ตั้งโรงกลั่นเล็กๆ โดยจ้างแรงงานจากชาวบ้านบนเกาะ Magic Alambic Distillery เป็นโรงกลั่นเล็กๆ ที่ผลิตเหล้ารัมจากน้ำอ้อย 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากกำลังผลิตไม่มาก ทำให้ควบคุมความพิถีพิถันได้เป็นอย่างดี ถ้ามีอะไรที่เราจะขัดใจอยู่อย่างเดียวก็คือแพ็กเกจจิ้งที่ค่อนข้าง…เอ่อ…เชยนั่นล่ะ นอกจาก Original Flavour แล้ว ยังมีกลิ่นส้ม เลมอน และมะพร้าว น่าเสียดายที่หลังจากคุณลุงเสียชีวิตไป คุณป้าก็ขายกิจการ ปัจจุบันนี้โรงกลั่นนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าของใหม่
3. ข้าวแจสเบอร์รี (Jasberry)
ราคา: 180 บาท (900 กรัม)
เสาะหาได้ที่: ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำอย่าง Gourmet Market, Villa Market และ Tops Supermarket
ข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณประโยชน์สูงเทียบเคียงกับซูเปอร์ฟู้ด นับเป็นข้าวที่มีคุณค่าทางสารอาหารมากที่สุด ความดีงามคือมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าข้าวไรซ์เบอร์รี (Riceberry) ถึง 5 เท่า และสูงกว่าชาเขียวถึง 10 เท่า ช่วยต้านโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง และอัลไซเมอร์ ถ้าใครกลัวว่าข้าวนี้จะไม่อร่อยเหมือนกับข้าวกล้องส่วนใหญ่ก็ขอให้เปลี่ยนความคิด ลองดูแล้วจะรู้ว่านุ่มอร่อย ทั้งยังปลูกแบบออร์แกนิก ได้ใบรับรองมาตรฐานสากล USDA (United States Department of Agriculture), EU (European Union) ด้วยความโดดเด่นเช่นนี้ จึงทำให้ สยาม ออร์แกนิค ซึ่งเป็นผู้ผลิตได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันใน The Venture แคมเปญประกวดกิจการเพื่อสังคมของ Chivas Regal ประจำปีนี้
4. เนื้อวัว Dry Aged ของ Company B
ราคา: กิโลกรัมละ 850-1,300 บาท
เสาะหาได้ที่: แผนก Butchery ของ Gourmet Market ศูนย์การค้าสยามพารากอน
Dry Aged คือกรรมวิธีถนอมอาหารด้วยการแขวนเนื้อไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิเป็นระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้นเพราะเอนไซม์ของเนื้อตามธรรมชาติสลายตัวแล้ว ยังช่วยให้มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้นอีกต่างหาก สมัยก่อนนั้นมีแต่ต้องนำเข้าเนื้อดรายเอจจากต่างประเทศเท่านั้น จนกระทั่งเนื้อวัวดรายเอจชั้นดีของ Company B โดย ‘บังโต’ (โต-วีรชน ศรัทธายิ่ง หรือ โต Silly Fools) ได้รับการยกย่อง เพราะนำกรรมวิธีการนี้มาใช้กับเนื้อไทย ตัวอักษร B ในชื่อแบรนด์นั้น ย่อมาจากคำว่า ‘Barakat’ มีความหมายว่า พระพร ในภาษาอาหรับ ความที่ผลิตด้วยกรรมวิธีแบบฮาลาล จึงเชื่อมั่นได้ในเรื่องคุณภาพและความสะอาด
5. ชีสโครงการหลวง
ราคา: หลากหลายราคาขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณ
เสาะหาได้ที่: ร้านโครงการหลวง Golden Place และ ตลาด อ.ต.ก.
ชีสจากโครงการหลวง มีประวัติสืบย้อนมาตั้งแต่สภานมแห่งชาติของอินเดียได้น้อมเกล้าฯ ถวายกระบือพันธุ์เมซานา (Mehsana) แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อ พ.ศ. 2539 ข้อดีของกระบือพันธุ์นมก็คือ ให้นมที่มีโปรตีน ฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็ก สูงกว่าโคนม แถมยังมีคอเลสเตอรอลน้อยกว่า โครงการหลวงผลิตทั้งมอสซาเรลลาชีสจากนมกระบือ, เฟตาชีส, เฟตาชีสในน้ำมันมะกอกและมะเขือเทศ, เฟตาชีสในน้ำมันมะกอกและสมุนไพร ซึ่งหากใครได้ลองแล้วก็จะทราบว่าคุณภาพดีไม่แพ้ชีสนำเข้าจากต่างประเทศหลายๆ แบรนด์เลยทีเดียว
6. Iron Balls & Grandma Jinn’s
ราคา: Grandma Jinn 790 บาท, Iron Balls 1,750 บาท หรือสอบถามราคาได้ที่ร้าน
เสาะหาได้ที่: บาร์ชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ แต่ที่เราแนะนำว่ามีแน่คือ Teens of Thailand และ Iron Balls Distillery
ไม่เพียงแต่รัมดีๆ เท่านั้น แต่ช่วงปีหลังๆ บ้านเราก็เริ่มมีผู้ผลิตเหล้าจินคุณภาพ ซึ่งผลิตโดยใช้ส่วนผสมของไทยให้เห็นกันมากขึ้น เริ่มต้นด้วย Iron Balls ของเจ้าพ่อบาร์อย่าง แอชลีย์ ซัตทอน (Ashley Sutton) จินขวดนี้รสนุ่ม มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ และกลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้ตระกูลซิทรัส ส่วนอีกเจ้าก็คือ Grandma Jinn’s ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ Bootleggers และผู้ผลิตลไมย์รัม ซึ่งเป็นรัมท้องถิ่นจากทางภาคเหนือ ‘เหล้าจิน สูตร 1 คุณยายจิ้น’ (ชื่อไทยเก๋ไหมล่ะ?) ผลิตโดยใช้น้ำอ้อยเป็นเบส แล้วใช้ส่วนผสมท้องถิ่นทางภาคเหนือของไทยอย่างดอกคำฝอยมาใช้ในกระบวนการหมัก เพื่อเพิ่มบุคลิกรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
7. ไทยบาสโก (Thaibasco)
ราคา: เริ่มต้นที่ 40 บาท
เสาะหาได้ที่: Gourmet Market สาขาสยามพารากอน และ ดิ เอ็มโพเรียม, Sauce Grocers ที่ The Commons ทองหล่อ ซอย 7
ซอสพริกผลิตโดยบริษัท Thai Pepper Products ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายย่อยใน ตำบลท่าสาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ปลูกพริก ผลิต และแปรรูปด้วยตนเองจนกลายมาเป็นซอสพริกภายใต้แบรนด์ไทยบาสโก มีรสชาติละม้ายคล้ายกับซอสทาบาสโก (Tabasco) เพียงแต่มีความหวานแบบไทยอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดหวานเลี่ยนเหมือนกับซอสพริกศรีราชาที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในท้องตลาด นอกจากรสออริจินัลแล้ว ยังมีซอสพริกสีเขียวซึ่งทำจากพริกจาลาปิโน และอีกหลายสูตร ด้วยคุณภาพและรสชาติที่ดีเยี่ยม จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โรงแรมหลายดาวและร้านอาหารหลายแห่งเลือกใช้
8. ไข่มดแดงกระป๋อง
ราคา: กระป๋องเล็ก 70 บาท, กระป๋องใหญ่ 160 บาท
เสาะหาได้ที่: www.wanatip.org
สมัยก่อนเรามักจะได้กินไข่มดแดงก็เฉพาะเมื่อฤดูร้อนมาถึงเท่านั้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีผู้ผลิต SMEs หลายรายที่เริ่มนำไข่มดแดงมาผ่านกระบวนการแช่น้ำเกลือและบรรจุกระป๋อง เพื่อช่วยให้เก็บรักษาได้นานขึ้น จนเราเริ่มเห็นว่าร้านอาหารไทยดีๆ หลายร้านในเมืองเริ่มมีเมนูไข่มดแดงบรรจุเป็นเมนูถาวรโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าร้อน แต่ไข่มดแดงกระป๋องก็ไม่ได้วางขายกันในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป สาเหตุหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะกำลังการผลิตที่ยังค่อนข้างจำกัดอยู่ (หรือไม่ก็เห็นว่าโลคัลเกินไป) ยี่ห้อแนะนำคือ วนาทิพย์ ซึ่งเป็นสินค้าโอทอป (OTOP) ประจำจังหวัดยโสธร ของกลุ่มเกษตรกร ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ
9. นมวัวออร์แกนิก แดรี่ โฮม (Dairy Home)
ราคา: เริ่มต้นที่ 23 บาท
เสาะหาได้ที่: ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำอย่าง Gourmet Market, Villa Market, Tops Supermarket และ Foodland
นมวัวอินทรีย์จากฟาร์มออร์แกนิกที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แดรี่ โฮม เลี้ยงวัวโดยยึดถือหลักความสุขของวัวเป็นสำคัญ ด้วยเชื่อว่าการให้วัวกินอาหารตามธรรมชาติคือหญ้า ซึ่งเป็นอาหารหลักต้องปลอดสารเคมี และให้วัวได้เดินอย่างอิสระบนท้องทุ่ง จะทำให้วัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และให้ผลผลิตเป็นน้ำนมออร์แกนิกที่เต็มไปด้วยวิตามิน โปรตีน ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ ที่สำคัญรสชาติอร่อยกว่าอย่างรู้สึกได้ ทั้งยังมีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 มากกว่านมทั่วไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และ 20 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับด้วย
10. ซองเดอร์ ซีเรียลบาร์ ออร์แกนิก (Xongdur)
ราคา: เริ่มต้นที่ 45 บาท
เสาะหาได้ที่: 7-Eleven และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป
ซีเรียลบาร์ เกรนนี่และเกรนน่า ของบริษัท ซองเดอร์ไทยออร์กานิคฟู้ด จำกัด กิจการเพื่อสังคมที่ทำงานกับชุมชนเกษตรกรอินทรีย์ ซึ่งได้รับตรารับรองมาตรฐานออร์แกนิกสากลหลายสำนัก อาทิ IFOAM (สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์), Organic EU, Organic USDA และ Organic Canada ซีเรียลบาร์ของซองเดอร์ผลิตมาจากธัญพืชโฮลเกรนจากแหล่งผลิตในประเทศ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ลูกเดือย เม็ดบัว งาขาวหรืองาดำ ที่ไม่ผ่านการขัดสี ผสมกับผลไม้แห้งและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ไม่ผ่านการทอด ด้วยคุณภาพทำให้เป็นสินค้าส่งออกไปหลายประเทศ นับเป็นสิ่งดีงามสำหรับนักกินสายเฮลตี้อีกอย่างที่เราอยากแนะนำ
11. ฉลองเบย์ รัม (Chalong Bay Rum)
ราคา: 440-1,200 บาท
เสาะหาได้ที่: โรงกลั่นฉลองเบย์ รัม, โรงแรมชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต, ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำอย่าง Gourmet Market และ Villa Market
เหล้ารัมสัญชาติไทยในจังหวัดภูเก็ต ที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของนักดื่มค่อนโลก การันตีคุณภาพด้วยรางวัลเหรียญทอง ปี 2015 จาก San Francisco World Spirit Competition หนึ่งในงานประกวดเหล้านานาชาติที่ทรงอิทธิพลของโลก จุดเด่นของฉลองเบย์ รัม อยู่ที่กรรมวิธีการผลิตโดยใช้น้ำอ้อยแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้เทคนิคประยุกต์มาจากชาวฝรั่งเศสแถบทะเลแคริบเบียนในศตวรรษที่ 18 รสชาติที่ได้จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรสหวานละมุน นุ่มลึก อบอวลด้วยกลิ่นหอมผลไม้นิดๆ ปัจจุบันนอกจากรสดั้งเดิมซึ่งเป็นตัวชูโรงหลักแล้ว ยังเอาใจนักดื่มด้วยการออกกลิ่นใหม่เพิ่มถึง 3 รสชาติ ได้แก่ ใบโหระพา อบเชย และตะไคร้
12. ไวน์ข้าวชูใจ
ราคา: เริ่มต้นที่ 150 บาท
เสาะหาได้ที่: ร้าน LVMC ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 7, ร้าน Minimal ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 13, ร้านม้านั่ง ถนนนิมมานเหมินท์ ซอยสุขเกษม, Bar Choojai กรุงเทพฯ, ร้าน ณ ชูใจ จังหวัดอุบลราชธานี และ www.maajaidumonsales.com
สุราแช่พื้นเมืองของกลุ่มพื้นบ้านชาวล้านนาในอำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ ที่นำเอากรรมวิธีผลิตแบบดั้งเดิมมาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ‘ชูใจ’ คือ เหล้าน้ำขาว (ภาษาเหนือ) หรือสาโทที่ถูกยกระดับขึ้นด้วยคำว่า ‘ไวน์ข้าว’ ผลิตจากข้าวเหนียว 100 เปอร์เซ็นต์ โดยการนึ่งผ่านตะกร้าไม้ไผ่และใช้ลูกแป้งหรือเชื้อสุราสูตรดั้งเดิม ผสมด้วยสมุนไพรนานาชนิดสูตรลับเฉพาะที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น หมักตามระยะเวลาและปรุงต่อจนได้รสชาติที่ใช่ วิธีการดื่มนั้นเหมือนไวน์ขาวทั่วไป แช่เย็นจนได้อุณหภูมิพอเหมาะ รินใส่แก้วแล้วยกดื่ม รสของไวน์ข้าวชูใจยังคงเอกลักษณ์ของสาโทไว้ไม่ผิดเพี้ยน ทว่ามีความเข้มลึกและแอลกอฮอล์หนักกว่า นักดื่มหลายคนเปรยว่า “รสชาติพอฟัดพอเหวี่ยงกับสาเกจากญี่ปุ่นบางตัวเลยทีเดียว”
13. ลไมย์ (Lamai Thai Rum)
ราคา: 550 บาท
เสาะหาได้ที่: ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำอย่าง Villa Market, King Power และตามบาร์ชั้นนำในกรุงเทพฯ
เหล้ารัมสัญชาติไทยอีกแบรนด์ที่ห้ามมองข้าม ก่อตั้งโดยลูกครึ่งอเมริกัน-ไต้หวัน คุณอเล็กซ์ โช (Alex Chou) และญาติคนไทยอีก 2 คน โดยใช้น้ำอ้อยแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ทั้งยังกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยการใช้อ้อยในจังหวัดลำพูนเท่านั้น ตัวขวดสะท้อนความเป็นล้านนาผ่านตราสัญลักษณ์และปูนปั้นเซรามิก ซึ่งเป็นของเด่นขึ้นชื่อของจังหวัดลำปาง โดยได้ศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมาออกแบบให้ เคล็ดลับความอร่อยที่ตรึงใจนักดื่มอยู่ที่กระบวนการกลั่น 2 ครั้ง คัดกรองแอลกอฮอล์ส่วนที่ไม่ดีออก รสที่ได้จึงนุ่ม ละมุนละไม ลื่นคอ ไร้อาการแฮงก์ สมชื่อแบรนด์ลไมย์นั่นแล
14. คราฟต์เบียร์ไทย
ราคา: เริ่มต้นที่ 180 บาท
เสาะหาได้ที่: ทั้ง 3 แบรนด์สามารถหาดื่มได้ตามบาร์เบียร์ทั่วไป แต่ถ้าอยากได้ชัวร์ๆ แน่ๆ เช็กอินที่ ร้าน Junker and Bar, ร้านโจ๋เบียร์ บาย โจ๋บาร์, ร้าน Wishbeer และร้าน Full Moon Brewworks จังหวัดภูเก็ต
กระแสคราฟต์เบียร์กำลังมา แม้กฎหมายบ้านเรายังไม่เอื้อต่อผู้ผลิตรายย่อย แต่เราก็มีแบรนด์คราฟต์เบียร์ให้เลือกดื่มเยอะมากขึ้นทุกที เจ้าเด่นควรลองที่เราอยากแนะนำให้ไปเสาะแสวงหามีทั้งหมด 3 ยี่ห้อหลักคือ เจ้าแรกนามว่า ‘ผีบอกเบียร์’ เกิดจากเพื่อน 4 คน ทดลองหมักเบียร์จากอินเทอร์เน็ต จนได้สูตรเบียร์ที่อร่อยตรงใจ เจ้านี้เขาเล่นไสยศาสตร์ นิยมต้มเบียร์กันในวันพระ เบียร์ที่นิยมได้แก่ Haunting Charming Pale Ale แอลกอฮอล์ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เป็นสไตล์ American Pale Ale ที่เน้นความฟรุตตี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้หวานหอม ถัดมาเป็นงานจากเชียงคาน เพราะคนหมักชื่อโจ๋ ก็เลยกลายเป็น ‘โจ๋เบียร์’ ตัวเจ๋งที่อยากแนะนำคือ Jo+ Beer Wheat 90s Hitz Abv 5.4% เป็น Wheat Beer แอลกอฮอล์ 5.4 เปอร์เซ็นต์ ที่ใส่วัตถุดิบไทยๆ อย่างมะแขว่นและน้ำผึ้งลงไปด้วย กลิ่นหอมสดชื่นมาก มีรสขมแกล้มเย็นนิดๆ ซ่าหน่อยๆ และรสหวานซ่านอยู่ในปาก อร่อยมาก! ตัวสุดท้าย ‘Chalawan Pale Ale’ เป็นเบียร์ในสังกัด Full Moon Brewworks จากจังหวัดภูเก็ต ที่ส่งไปบรรจุไกลถึงออสเตรเลีย ขวดนี้เจอบ่อยและหาดื่มได้ง่ายที่สุดในบรรดา 3 แบรนด์ รสชาติออกซ่าช่วงต้น ตามด้วยรสหวานนิดๆ มีกลิ่นหอมหวานซ่อนเปรี้ยวของลิ้นจี่และฮอป
15. Innocent Cow
ราคา: เริ่มต้นที่ 60 บาท
เสาะหาได้ที่: ร้านใบเมี่ยง และ Tops Supermarket
กรีกโยเกิร์ต กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพ ด้วยรสชาติเปรี้ยวและหวานน้อยกว่าโยเกิร์ตธรรมดาถึงเท่าตัว ทั้งยังให้โปรตีนสูงกว่า ซึ่งแบรนด์ที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ Innocent Cow ภายใต้การนำของนันทวัฒน์ สุรวัติเสถียร นักธุรกิจไฟแรงผู้อยากให้คนไทยมีโยเกิร์ตทางเลือกมากขึ้น Innocent Cow ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่นมผง แป้ง สารให้ความแน่น หรือวัตถุกันเสีย พร้อมทั้งไขมัน 0 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีน้ำตาล แต่กินง่าย รสชาติดี โปรตีนสูง ที่สำคัญคือมีแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตถึง 5 สายพันธุ์ ปัจจุบันมี 5 รสชาติ ได้แก่ วานิลลา ลาเต้ ชาเขียว สตรอว์เบอร์รีโอเวอร์ไนต์ และรสธรรมชาติ นอกจากกินสดแนะนำให้ทำเป็นสมูทตี้ หรือน้ำสลัดก็ได้
16. Cuvée Royale Thaie และ Minervois ของ Blue Elephant
ราคา: ปกติไม่จำหน่ายปลีก มีเสิร์ฟเฉพาะคอร์สอาหาร Wine Pairing เท่านั้น
เสาะหาได้ที่: ภัตตาคาร Blue Elephant ทุกสาขาทั่วโลก
ส่วนผสมและเครื่องปรุงของอาหารไทยมีลักษณะเฉพาะและจับคู่ไวน์ได้ยากยิ่ง ด้วยเหตุนี้เองร้านอาหารไทยซึ่งเป็นที่รู้จักดีไปทั่วโลกอย่าง Blue Elephant จึงผลิตไวน์ขาวและไวน์แดงที่จับคู่กับอาหารไทยได้อย่างดียิ่งมาอย่างละขวด ตัวแรกเป็นไวน์ขาว Cuvée Royale Thaie สั่งผลิตจากไร่ไวน์แคว้นอัลซาสทางตะวันตกของฝรั่งเศส ผสมองุ่นขาวถึง 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Riesling, Pinot Blanc, Pinot Gris และ Gewürztraminer รสชาติเบา ไม่หนัก หอมละมุนคล้ายกลิ่นดอกไม้ ออกเปรี้ยวนิดๆ เหมาะกับจานพล่าหรือยำ อีกชนิดเป็นไวน์แดงออร์แกนิกจากแคว้นโรนทางตอนใต้ของฝรั่งเศส Minervois เป็นส่วนผสมระหว่างองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Grenache, Syrah และ Mourvèdre รสชาติหนักแน่น ทว่ามีความนุ่ม หอมหวานในตอนท้าย ลดความเลี่ยนของอาหารจานกะทิได้ดี ทั้ง 2 ขวด ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงปีละ 600 ขวดเท่านั้น
17. แยมเหล้าบ๊วย และแยมเหล้ากระท้อน
ราคา: 200 บาท
เสาะหาได้ที่: Cafe Play Plearn ย่านนางเลิ้ง หรือสั่งออนไลน์ได้ที่เฟซบุ๊กเพจของทางร้าน
แยมสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี หลบไป เพราะแยมที่เราแนะนำต่อไปนี้นั้น อร่อยมาก! และอยากให้คุณได้ลองสุดๆ ‘แยมเหล้ากระท้อน’ และ ‘แยมเหล้าบ๊วย’ ทั้ง 2 กระปุกเป็นแยมทำมือจาก Cafe Play Plearn แยมเหล้าใช้บ๊วยพันธุ์พื้นเมืองบนดอยสูงของจังหวัดเชียงรายเป็นวัตถุดิบหลัก ไม่ใส่สารกันบูด ไร้สารปรุงแต่ง ได้ทั้งรส กลิ่นเหล้า และเนื้อบ๊วยตั้งแต่แรกชิม ส่วนแยมเหล้ากระท้อน ใช้กระท้อนหวานตามฤดูกาล หมักกับเหล้าข้าวกล้องอินทรีย์ ให้รสอมเปรี้ยวอมหวาน พร้อมเนื้อกระท้อนหั่นหยาบให้ได้เคี้ยว รสชาติเปรี้ยวหวานและฝาดนิดๆ เป็นคอมบิเนชันที่คู่ควรจะกินคู่กับสโคนดีๆ สักหลายๆ ชิ้น
18. กาแฟอาข่า อ่ามา และ ฮกโหหลี
ราคา: เริ่มต้นที่ 300 บาท
เสาะหาได้ที่: ร้านอาข่า อ่ามา จังหวัดเชียงราย, ร้านฮกโหหลี จังหวัดภูเก็ต
เมล็ดกาแฟดีให้เลือกซื้อหากันทั่วประเทศ เหล่านักดื่มกาแฟตัวจริงควรจดจำ 2 ชื่อจากทั้งแดนเหนือและใต้นี้ไว้ให้แม่น เจอที่ไหนควรค่าแก่การซื้อในทันที ยี่ห้อแรก ชื่อ ‘อาข่า อ่ามา’ แบรนด์กาแฟพันธุ์อาราบิก้า บนยอดดอยสูงใน อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่ปลูก เก็บ คั่ว เบลนด์ บรรจุ ไปจนถึงเปิดชงขายหน้าร้าน การันตีความอร่อยโดยสมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งยุโรป ที่เคยนำ อาข่า อ่ามา ไปใช้เปิดตัวในงานชิมกาแฟนานาชาติมาแล้ว ถัดมาเป็นแบรนด์จากจังหวัดภูเก็ต ‘ฮกโหหลี’ แม้ไม่ได้ปลูกเอง แต่ก็คั่วเอง เบลนด์เองทุกขั้นตอน กาแฟสดฮกโหหลี มีหลายรส หลายราคา ทั้งแบบกาแฟอาราบิก้าล้วนๆ ไปจนถึงผสมโรบัสต้า มีทั้งแบบ wet process แบบ honey process ที่สำคัญราคาไม่แพง หาดื่มง่าย ตามโรงแรมใหญ่ๆ ในภูเก็ตเลือกใช้แทบทั้งนั้น
19. น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหอมมะลิ (Organic Hom Mali Rice Vinegar)
ราคา: 150 บาท
เสาะหาได้ที่: Tops Supermarket, ร้านอโณทัย และไร่ปลูกรัก
คุณประโยชน์และสรรพคุณของน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหอมมะลินั้นมีมากมายจนเราสาธยายแทบไม่หมด ไม่ว่าจะใช้ประกอบอาหาร ทำน้ำสลัด ปรุงรสเปรี้ยวแทนมะนาว ผสมน้ำดื่มเพื่อชะล้างไขมัน ทาผิวเพื่อบรรเทาอาการคันและกำจัดเชื้อรา กรดอะมิโนในน้ำส้มสายชู ยังช่วยลดการสะสมของกรดแล็กติกในเลือด ฯลฯ แต่เหตุที่เราเลือกของ Thai Organic Farm จากไร่ปลูกรัก เป็นเพราะน้ำส้มสายชูหมักรสชาติดีขวดนี้ ทำจากข้าวหอมมะลิออร์แกนิกแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ตามมาตรฐาน IFOAM (สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์) ย้ำอีกครั้งว่าออร์แกนิกไม่ใช่แค่ปลอดสาร แต่มั่นใจได้เลยว่าไร้สารปนเปื้อนใดๆ ตั้งแต่กรรมวิธีการปลูกยันลงขวดบรรจุภัณฑ์ ทั้งยังมีกลิ่นไม่ฉุน กินง่าย แนะนำให้ผสมน้ำดื่มและน้ำผึ้งกินทุกวันเช้าเย็น รับรองโรคภัยไข้เจ็บตีจาก ร่างกายแข็งแรงโดยพลัน
20. น้ำปลาพรพิมล จังหวัดตราด และน้ำปลาวังใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ราคา: 300 บาท ต่อลัง
เสาะหาได้ที่: ร้านขายของฝากประจำจังหวัด, ตลาดบองมาร์เช่
‘น้ำปลาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง’ ไม่มีใครกล่าวไว้แต่เราบอกไว้เอง อาหารไทยส่วนใหญ่มีน้ำปลาเป็นเครื่องปรุงหลัก ฉะนั้นถ้าได้น้ำปลาดีมาปรุงรส อาหารจานร้อนมีหรือจะไม่อร่อย ขอให้ลืมน้ำปลาแบรนด์ดังที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมที่มีอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วหันไปมองน้ำปลาพื้นบ้านโอทอปที่คุณภาพคับแก้วอย่างน้ำปลาพรพิมลจาก จังหวัดตราด ของดีเด่นดังประจำถิ่นขนาดร้านอาหารสุพรรณิการ์ยังเลือกใช้เป็นไอเท็มเด็ดประจำร้าน รสชาติเค็มกำลังดี กลมกล่อม ไม่เหม็นคาว น้ำปลาตราวังใต้ ก็เด็ดไม่แพ้กัน ทำจากปลาไส้ตันแท้ หมักด้วยวิธีธรรมชาตินาน 1 ปี รสชาติเค็มไม่มาก กลิ่นหอมจางๆ บางคนบอกว่า แค่เอาไปคลุกข้าวกินกับของโปรดก็อร่อยเหาะแล้ว
21. จะโหรมเครื่องแกง
ราคา: เริ่มต้นที่ 22 บาท
เสาะหาได้ที่: แม็คโครทั้ง 81 สาขา และ ซุปเปอร์ชีป ภูเก็ต
‘ร้อยคำชิม ล้านคำชม’ คือสโลแกนของพริกแกงปักษ์ใต้แบรนด์จะโหรม ที่ชุติมา อาลิแอ หนึ่งในผู้ก่อตั้งต้องการสื่อถึงความอร่อยให้เลื่องลือจนเป็นที่รู้จัก จากแผงลอยเล็กๆ ในตัวเมืองตรัง ต่อยอดสู่ตลาดโลก เป็นสินค้าส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา จะโหรมมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องแกงหลากชนิด แยกประเภทไว้เฉพาะตามชนิดอาหาร ทำไว้สำเร็จชนิดที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องนำไปผสมอะไรอีก พริกแกงยอดนิยมมีหลายตัว เช่น คั่วกลิ้ง เขียวหวาน พะแนง มัสมั่น แกงส้ม แน่นอนว่ากินแล้วต้องอร่อยยกนิ้ว เพราะใช้วัตถุดิบชั้นดี