ต้องบอกว่าปี 2025 คือช่วงเวลาที่ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองค่อยๆ เปลี่ยนจากการไล่ตามความใหม่ ไปสู่การเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้น
หลังผู้คนเริ่มฟังร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างจริงจัง เลือกสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาว ขอการพักจากโลกดิจิทัล หรือการกลับไปหาคอมมูนิตี้และพื้นที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน รวมถึงดึงดูดให้เราเข้าใกล้ธรรมชาติยิ่งขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน 2025 ก็เป็นปีที่มีสิ่งใหม่และปรากฏการณ์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการมาของ AI, ย่านใหม่อย่างพระราม 4, Run Club หรือแม้แต่การมาของแบรนด์ระดับโลกมากมายในทุกมิติที่ตบเท้าเข้าเมืองไทย
และเหล่านี้คือ 25 ไฮไลท์สำคัญในโลกไลฟ์สไตล์ปี 2025 ที่เรารวบรวมมาฝาก

- Run Club Era เมื่อการวิ่งกลาย Social Connection
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Run Club คือหนึ่งในโมเมนต์สำคัญในปี 2025 ที่ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ที่เกิดขึ้นในช่วงข้ามปี แต่ว่ามันจะเข้ามาเปลี่ยนนิยามของการวิ่ง จากกิจกรรมทางกายไปสู่ Social Connection ที่คนเริ่มเบื่อกับการพบปะสังสรรค์รูปแบบเดิมๆ
Run Club ในไทยเด่นชัดมาตั้งแต่ต้นปี หลังเริ่มมี Run Club เกิดขึ้นมากมาย จากนักวิ่งหลักสิบไปสู่หลักร้อย และหลายร้อยในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบันมีงานวิ่งแทบทุกวีคเอนด์ทั้งในสวนสาธารณะและซิตี้รัน ซึ่งแต่ละงานก็จะมีคาแร็กเตอร์และกิมมิกในการวิ่งที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่คล้ายคลึงกันคือ Run Club จะเน้นสไตล์และความสนุก มากกว่าโปรแกรมการวิ่งที่เข้มข้น ทำให้ดึงดูดกลุ่มนักวิ่งหน้าใหม่และ Gen Z
สิ่งที่ทำให้ Run Club พิเศษคือได้สุขภาพจริง มีเพื่อนคอยเชียร์ กระตุ้นให้ลุกออกมาวิ่ง และได้ Social Connection กลับไปด้วย เพราะได้พูดคุยกันตอนวิ่ง รู้จักกันแบบไม่เครียด ไม่ฝืน เจอคนที่มีความชอบเหมือนๆ กัน
ปี 2025 จึงเป็นปีที่ Run Club เป็นมากกว่าการออกกำลังกาย แต่เป็นกิจกรรมทางสังคมที่คนเมืองใช้ในการไปหาความสมดุล ได้เจอเพื่อน สร้างความสัมพันธ์ ดูแลกายและจิตใจไปพร้อมกัน

- Matcha & Tea Forever! วงการมัทฉะและชา เข้าแล้วไม่ออกเลย
ปีที่แล้วมาแรงพอตัว แต่ปีนี้ยังแรงขึ้นได้อีกจนกลายเป็นกระแสมัทฉะฟีเวอร์ที่ทำเอาทั้งผงชาและอุปกรณ์ราคาพุ่งจนฉุดไม่อยู่ เช่นเดียวกับร้านชาและมัทฉะเปิดใหม่ตลอดทั้งปี 2025 ที่มีทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์นอกเข้ามาเปิดตัวกันไม่หยุด ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนน่าจะตามไปชิมกันจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
ทำให้จากเดิมที่ดูเหมือนมัทฉะและชาต่างๆ เป็นเพียงกระแสหรือตัวเลือกสำหรับคนไม่ดื่มกาแฟ ตอนนี้เครื่องดื่มชาทุกรูปแบบพิสูจน์แล้วว่าได้กลายเป็นตลาดใหม่ และกลายเป็นเครื่องดื่มประจำที่หลายคนขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้เราว่าเป็นเรื่องดี เพราะคนชอบดื่มชาอย่างพวกเราจะได้มีชาคุณภาพดีและเมนูใหม่ๆ ให้ลองอยู่ตลอด

- Coffee Party is a Thing! ปาร์ตี้กาแฟ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของสายเที่ยวที่รักสุขภาพ
ต่อไปนี้อาจหมดยุคของการปาร์ตี้จนหัวราน้ำแล้วก็ได้ เพราะคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ การเข้าสังคม และการพักผ่อนแบบเต็มอิ่มมากกว่า ทำให้จากเดิมที่อาจนัดกันไปแฮงเอาต์กันจนเช้า หลายคนจึงเปลี่ยนมาแฮงเอาต์กันตั้งแต่เช้าไปเลย แล้วเอาเวลาตอนกลางคืนไปนอนพักผ่อนเตรียมตื่นไปวิ่ง ไปทำงาน หรือตื่นมาใช้เวลากับตัวเองแบบไม่แฮงก์แทน
Coffee Party จึงกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่ว่าวัยไหนก็ขอมีส่วนร่วม เพราะนอกจากความสนุกและได้เพื่อนใหม่ไม่ต่างกัน ทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องดื่มแอลกอฮอล์ให้เสียสุขภาพหรือทำลายกล้ามเนื้อด้วย

- Digital Detox Living พักจากหน้าจอ เพื่อกลับมาเชื่อมต่อกับตัวเอง
ปีนี้เป็นปีที่คนไทยเริ่มยอมรับตรงๆ ว่าเหนื่อยกับการเชื่อมต่อ หลังจากใช้ชีวิตผ่านหน้าจอมานาน การพักจากโซเชียล ตั้งเวลาปิดการแจ้งเตือน หรือเลือกอยู่ในพื้นที่ไม่รีบร้อน กลายเป็นวิธีดูแลตัวเองแบบใหม่
โรงแรมหลายแห่งในไทยเริ่มเสนอ Digital Detox Package เก็บมือถือตอนเช็กอิน พาไปเดินป่า นั่งสมาธิ และอ่านหนังสือ ทำกิจกรรมที่ไม่ต้องพึ่งพามือถือ หรือคาเฟ่หลายที่ในกรุงเทพฯ ก็มี ‘No Wi-Fi Zone’ ให้นั่งอ่านหนังสือ หรือพูดคุยกัน โดยไม่ต้องมีสัญญาณรบกวน รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเล่น เช่น การจอย Book Club เพื่ออ่านหนังสือ การออกกำลังกาย เวิร์กช็อปจัดดอกไม้ หรือแม้แต่การเล่นการ์ดเกม
และสิ่งที่น่าสนใจคือทัศนคติของคนยุคนี้ก็เปลี่ยนไป ผู้คนจากหนีโลกดิจิทัลมาเป็น ‘ควบคุมการใช้มัน’ เพราะคนเริ่มเห็นคุณค่าของความเงียบ ความคิดที่ชัด ไม่วอกแวก และการอยู่กับปัจจุบัน มากกว่าการต้องคอยอัปเดตตลอดเวลา ซึ่งปีหน้าเราน่าจะได้เทรนด์ Disconnect ของคนเมืองมากขึ้นอย่างแน่นอน

- Rama IV, The New Lifestyle Axis พระราม 4 กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์
เรียกว่าเป็นปีทองของย่านพระราม 4 อย่างแท้จริง เพราะโปรเจกต์ใหญ่ๆ ตลอดถนนพระราม 4 เปิดทำการปีนี้ แถมยังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง เปลี่ยนย่านที่เงียบเหงาให้กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์อย่างเต็มตัว เริ่มตั้งแต่ Dusit Central Park ที่ประเดิมด้วยการเปิดโรงแรมดุสิตธานี ก่อนเปิดห้างใหม่ Central Park และสวนลอยฟ้าดุสิตอรุณ ถัดมาอีกนิด One Bangkok กลุ่มอาคารมิกซ์ยูสที่ครบทั้งโรงแรมดัง The Ritz-Carlton, Andaz พร้อม 2 ห้างใหม่ The Storeys, Parade และ Post 1928 ที่กำลังเปิดอีกเร็วๆ นี้ ไหนการปรับปรุงสวนต่างๆ ของสวนลุมพินี และกระแส Run Club ที่ทำให้พระราม 4 กลายเป็นฮับของคนออกกำลังกายยามเช้า เรียกว่าเพียงปีเดียว พระราม 4 พลิกโฉมแบบหมดจด

- Public Space พื้นที่เมืองที่ถูกใช้งานอย่างมีชีวิต
เราไม่รู้จะนิยามปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าอะไรดี แต่ปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีการใช้ Public Space คุ้มค่าและมีชีวิตชีวา ทั้งในแง่ของงานศิลปะ วัฒนธรรม และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ซึ่งทำให้ภาพรวมของเมืองครึกครื้นน่าดู เช่น การมาของ KAWS Holidays ที่ทำให้สนามหลวงเราคึกคักอีกครั้ง การโปรโมตซีรีส์ Squid Game 3 ที่ทำให้คนกรุงแห่ไปลองกระโดดเชือกกันที่ลานคนเมือง หรือแม้แต่ล่าสุดกับภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World Rebirth สไปโนซอรัส โผล่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดอรุณฯ จนกลายเป็นไวรัลและบทสนทนาของทั้งเมือง
ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า กรุงเทพฯ กำลังขยับจาก ‘เมืองที่คนแค่ใช้ชีวิตอยู่’ ไปสู่ ‘เมืองที่คนอยากออกมาใช้พื้นที่ร่วมกัน’ พื้นที่สาธารณะจึงไม่ใช่แค่ที่ผ่านทาง แต่คือพื้นที่แห่งประสบการณ์ ความทรงจำ และพลังสร้างสรรค์ ที่ทำให้เมืองกลับมาครึกครื้น มีชีวิต และน่ามองขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้

- Food ft. Fashion แบรนด์แฟชั่นเจาะวงการไลฟ์สไตล์ผ่านอาหาร
ในยุคสมัยนี้ การจะทำให้แบรนด์แฟชั่นเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนได้จริงๆ เห็นทีว่าคงหนีไม่พ้นการเปิดคาเฟ่หรือร้านอาหารที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้เวลา และสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับแบรนด์ได้จริงๆ เช่นเดียวกับการคอลแลบต่างๆ ที่ทำให้แบรนด์ดูน่าสนุกขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่นแบรนด์ที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้คือ Gaggan at Louis Vuitton, Café DIOR by Mauro Colagreco, Marimekko Cafe, Café Kitsuné ก่อนในปีนี้พวกเราจะได้เห็นแบรนด์อื่นๆ บ้าง เช่น BOSS Café, Rally x Uno Coffee และ Ralph’s Coffee Bangkok จากแบรนด์ Ralph Lauren

- Biophilic Design ปีที่บ้านเป็นพื้นที่ Retreat ใจฉบับส่วนตัว
ปีนี้เทรนด์ Biophilic Design หรือการนำธรรมชาติเข้ามาไว้ในบ้าน กลายเป็นแนวคิดหลักของการตกแต่งอินทีเรียร์อย่างเต็มตัว เมื่อชีวิตเมืองมีความเร่งรีบและเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้น บ้านจึงต้องรีเซ็ตตัวเองให้กลายเป็น ‘Refuge’ หรือที่พักพิงที่ช่วยฟื้นพลังจากความอ่อนล้า
การผสานธรรมชาติผ่านแสงแดด พืชในร่ม และวัสดุธรรมชาติ ไม่ได้ทำไปเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่งานดีไซน์ยุคใหม่เน้นไปที่การลดความวิตกกังวลและส่งเสริม Mood ของผู้อยู่อาศัยอย่างเป็นระบบ เราจึงได้เห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ Ultra Luxury ไปจนถึงคอนโดใจกลางเมือง เริ่มขยับมาใช้ดีไซน์ที่เน้น Vertical Garden หรือการออกแบบช่องแสงที่คำนวณทิศทางลมธรรมชาติมาให้เสร็จสรรพ เพื่อสร้างสภาวะการอยู่อาศัยที่ผ่อนคลายที่สุด
เทรนด์นี้จึงเป็นเครื่องหมายของยุคใหม่ที่เชื่อมโยง Lifestyle, Sustainability และ Wellness เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เปลี่ยนนิยามของบ้านให้เป็นสถานที่รักษาจิตใจที่สำคัญที่สุด
เอาเป็นว่าใครสนใจเทรนด์ไหน หรืออยากลองเริ่มต้นดูแลตัวเองแบบไหน ก็ลองเลือกสิ่งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองดูได้เลย

- Hotel Scene Heats Up โรงแรมดัง ทยอยเปิดตัวไม่ขาดสาย
เป็นอีกปีที่ซีนโรงแรมในกรุงเทพฯ หวือหวามาก ไม่ใช่ที่จำนวน แต่เป็นการมาของแบรนด์ดังที่ตัดสินใจเปิดตัวครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น voco Bangkok Surawong และ KROMO Bangkok ของบ้าน IHG การกลับมาแบบสมศักดิ์ศรีของ Dusit Thani Bangkok การลงหลักหลักปักฐานแรก Aman Bangkok โรงแรมหรูระดับอัลตร้าลักชัวรีวนกลับไทยในรอบ 37 ปี หลังเปิด Aman แห่งแรกที่ภูเก็ต นั่นยังไม่รวมแบรนด์ดังย่านพระราม 4 The Ritz-Carlton, Bangkok, Andaz One Bangkok และอีกหลายแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง Grand Central Point ที่ปีนี้เปิดที่เดียว 2-3 หมุดหมายปลายทางจนกลายเป็นโรงแรมหนึ่งในใจนักพักผ่อน

- AI Lifestyle ใช้ AI อย่างมีสติ เพื่อจัดการชีวิตรอบด้าน
เมื่อ AI ได้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างชัดเจน และไม่ใช่แค่เรื่องการทำงานเท่านั้น แต่ผู้คนใช้ AI ในทุกมิติของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะงาน เงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพ เช่น ช่วยวางแผนมื้ออาหารประจำสัปดาห์ตามโปรตีนที่ต้องการ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการนอนจาก Whoop แล้วแนะนำว่าควรปรับอะไรในชีวิต บางคนใช้ AI เป็นโค้ชส่วนตัวสร้างโปรแกรมวิ่งหรือการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเอง หรือแม้แต่ใช้เพื่อทำหน้าที่นักจิตบำบัดได้อีกด้วย
ในขณะที่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก็หันมาใช้ AI ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ เช่น Headspace ที่มี AI แนะนำการทำสมาธิตามอารมณ์ในแต่ละวัน
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคนเริ่มใช้ AI ด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้น เราเรียนรู้ที่จะตั้งคำถาม ใช้มันเป็นกระจกส่องพฤติกรรม และเลือกเฉพาะสิ่งที่ยกระดับคุณภาพชีวิตจริงๆ

- Community Reborn คอมมูนิตี้ที่ขับเคลื่อนด้วยความหมาย
ท่ามกลางโลกที่เร็วและแยกตัว ปี 2025 กลายเป็นปีที่คนไทยหันกลับมาให้ความสำคัญกับคอมมูนิตี้จริงจัง มีกลุ่มอ่านหนังสือที่พบกันเป็นประจำ กลุ่มถ่ายภาพฟิล์มที่รวมตัวกันไปถ่ายรูป นี่ยังไม่รวม Run Club ที่แสดงให้เห็นถึงภาพคอมมูนิตี้ปีนี้ได้อย่างชัดเจน
จุดเปลี่ยนคือ Community ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยแบรนด์อีกต่อไป แต่ขับเคลื่อนด้วยความหมาย ผู้คนไม่ได้มองหาจำนวนสมาชิกที่ต้องเยอะเท่านั้นถึงจะดี แต่เลือกเข้าหาคอมมูที่เหมาะสมกับเขาจริงๆ สามารถมอบพื้นที่ปลอดภัย มีบทสนทนาที่ลึกและเข้าใจ ช่วยให้เขาเติบโตได้จริง

- Thai Art on the Rise ศิลปะไทยเติบโต ขยายพื้นที่และบทสนทนา
นี่คือปีที่วงการศิลปะไทยขยับขยายทั้งพื้นที่และบทสนทนา เริ่มตั้งแต่ Bangkok Art Biennale ที่เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้วเรื่อยมาจนถึงปีนี้ และกระจายงานศิลปะไปทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะวัดอรุณ วัดโพธิ์ ไปจนถึง BACC และ One Bangkok ที่ทำให้ศิลปะเข้าถึงง่ายขึ้น
ล่าสุดการมาของ Dib Bangkok พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยระดับโลกแห่งแรกของไทย ที่มีคอลเลกชันกว่า 1,000 ชิ้นจากศิลปินไทยและนานาชาติ ทั้งงานของ มณเฑียร บุญมา, Sho Shibuya และ Jame Turrell ในขณะที่ Bangkok Kunsthalle แม้จะเปิดมาตั้งแต่ปี 2024 แต่มาปีนี้ก็ยังมีนิทรรศการเวียนที่น่าสนใจมาลงอยู่เสมอ ส่วนนอกกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็มี Khao Yai Art Forest ที่นำศิลปะร่วมสมัยไปผสานกับธรรมชาติของเขาใหญ่
รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง CEA (Creative Economy Agency) และการเติบโตของนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่ทำให้งานศิลปะไม่ได้ถูกมองเป็นแค่ งานยืนดูอีกต่อไป

- ‘Longevity’ ยืนหนึ่งเทรนด์สุขภาพแห่งปี
ปีนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คำว่า Longevity เรียกว่าเป็นคีย์เวิร์ดสุขภาพที่มาแรงที่สุดของปี 2025 แต่นิยามของมันไม่ใช่แค่การอยากมีอายุยืน แต่คือการ ‘แก่อย่างมีคุณภาพ’ ด้วยการสร้างสุขภาพเชิงรุกให้ร่างกายพังช้าที่สุด
ความฮอตนี้ยืนยันได้ด้วยมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพโลกที่พุ่งทะลุ 7 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงการเติบโตของบริการแบบ Personalized ที่ใช้ Data มาออกแบบแผนที่สุขภาพรายบุคคล ตั้งแต่ตรวจพันธุกรรม (Genetic Testing) ไปจนถึงวัดค่าความเสื่อมระดับเซลล์เพื่อวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างแม่นยำ
อีกสิ่งที่ชัดเจนคือการเติบโตของ Wellness Retreat ที่มูลค่าแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว ผู้คนไม่ได้มองหาแค่ทริปพักผ่อน ทำสปาสวยๆ แต่ต้องการทริปฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม ทั้งเรื่องปรับการนอน ดีท็อกซ์ และบำบัดความเครียด สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนในปีนี้กล้าจ่ายเพื่อแลกกับสุขภาพที่ดีในระยะยาว
HYROX ปีแรกในไทยที่แรงเกินคาด!
ถ้าพูดถึงกีฬาที่เป็น Talk of the Town ประจำปี คงหนีไม่พ้น HYROX ที่ประเดิมสนามแรกในไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม และสร้างปรากฏการณ์บัตร Sold Out ภายในไม่กี่ชั่วโมงจนผู้จัดต้องประกาศขยายวันเพิ่ม

{{LISTSTART}}T-Beauty เมื่อสกินแคร์ไทยขยับมาเป็นตัวจริงในใจคนรักสวยรักงาม
{{LISTEND}}
ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่น่าสนใจมาก เมื่อ T-Beauty หรือผลิตภัณฑ์บิวตี้จากแบรนด์ไทยโดดเด่นขึ้นมาจนน่าจับตามอง และในหลายมิติเริ่มแซงหน้ากระแส K-Beauty ไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ผิวและสภาพอากาศเมืองร้อนได้อย่างแม่นยำ
ความนิยมนี้สะท้อนผ่านมูลค่าตลาดความงามในไทยที่ประเมินว่าสูงถึง 4.75 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยมีสกินแคร์เป็นหัวแรงหลักในการเติบโต อินไซต์ที่น่าสนใจคือแบรนด์ไทยยุคใหม่เริ่มใช้ Scientific Approach ที่เข้มข้นขึ้น มีการใช้ส่วนผสมท้องถิ่นระดับพรีเมียมมาผสานกับนวัตกรรมแล็บระดับโลก จนเกิดเป็นกระแส ‘Thai Pride’ ที่คนรุ่นใหม่กล้าการันตีคุณภาพให้กันแบบปากต่อปาก แบรนด์ไทยหลายรายจึงเติบโตรวดเร็วและกลายเป็นไอเทมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้อง ‘ซื้อกลับ’ เป็นของฝาก สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า T-Beauty ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมความงามที่ทรงพลัง มากกว่าแค่การเป็นสินค้าตามเทรนด์เหมือนปีก่อนๆ

- Green Space พื้นที่สีเขียวที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับคนกรุงเทพฯ ปีนี้เป็นปีที่พื้นที่สีเขียวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ภาพในแผนผังเมือง แต่ประชาชนอย่างเราๆ สามารถไปใช้งานได้จริง ทั้งเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย หรือนั่งพักใจ และหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเปิดและขยายพื้นที่สีเขียวใหม่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น สวนดุสิตอรุณ บนโครงการ Dusit Central Park ที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง, การปรับปรุงพื้นที่เชื่อมต่อของสะพานเขียวที่ทำให้การเดินทางระหว่างสวนลุมพินี และสวนป่าฯ ปลอดภัยขึ้น ไหนจะศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ที่แปลงพื้นที่บนดาดฟ้าและอาคารจอดรถให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่เชื่อมถึงกัน
นอกจากนี้ กทม. ยังมีสวนชุมชนขนาดเล็กตามแนวคิด ‘สวน 15 นาที’ กระจายตัวในหลายย่าน ทำให้การเข้าถึงธรรมชาติไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลอีกต่อไป ปีนี้อาจยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเมืองสีเขียวในอุดมคติ แต่เป็นปีที่ทำให้เห็นชัดว่า กรุงเทพฯ กำลังขยับเข้าใกล้เมืองที่น่าอยู่ขึ้นทีละก้าวอย่างแท้จริง

- Wellness × Beauty Tech ดูแลกายใจด้วยข้อมูล เลือกสิ่งที่ใช่ ไม่ใช่แค่ตามเทรนด์
ปี 2025 เทคโนโลยีด้านสุขภาพและความงามก้าวจากแค่แเก็ดเจ็ต มาเป็นเครื่องมือที่คนใช้จริงๆ และไม่ได้มีแค่สมาร์ทวอทช์เท่านั้น ปีนี้เป็นปีของอุปกรณ์อย่างสายรัดข้อมืออัจฉริยะ Whoop หรือแหวนอัจฉริยะ Oura Ring ที่ติดตามการนอนหลับ ระดับความเครียด และการฟื้นฟูตัว
ขณะที่ฝั่งบิวตี้ความนิยมของ LED Mask เติบโตอย่างต่อเนื่อง กระแสความนิยมมาจากความต้องการดูแลผิวแบบ Non-Invasive ที่ทำเองได้ที่บ้าน คนรักผิวหันมาใช้ LED Mask มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์การดูแลผิวแบบรอบด้าน ทั้งลดริ้วรอย รักษาสิว เพิ่มความกระจ่างใส และกระตุ้นคอลลาเจน เทรนด์นี้สะท้อนพฤติกรรมใหม่ที่คนให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีผิวที่ปลอดภัย ใช้ง่าย และเห็นผลระยะยาวมากขึ้น
เราคิดว่าจุดเด่นของปีนี้คือการเปลี่ยนจาก ‘ทำตามคนอื่น’ เป็น ‘เลือกสิ่งที่ใช่สำหรับเรา’ ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่าอะไรเหมาะกับตัวเองจริงๆ แล้วใช้ข้อมูลช่วยตัดสินใจ ซึ่งเราคาดว่าในปี 2026 จะเป็นปีที่คนต้องการเข้าใจร่างกายในระดับที่ลึกขึ้น และแม่นยำขึ้น ด้วยการใช้ดาต้าเป็นตัวไดรฟ์อย่างแน่นอน

- Global Brand in Thailand เมืองไทยเต็มไปด้วยแบรนด์ดังจากต่างประเทศ
นับว่าเป็นปีทองของชาวกรุงเทพฯ เพราะในปีนี้มีร้านอาหารใหม่ๆ แบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแลนดิ้งในเมืองไทยไม่หยุดหย่อน ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นผลพลอยได้จากการมีศูนย์การค้าเปิดใหม่ในปีที่ผ่านมาด้วย
ส่วนแบรนด์ระดับโลกที่เข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกก็อย่างเช่น Wingstop ร้านไก่ทอดชื่อดังจากอเมริกา, Gongcha แบรนด์ชาชื่อดังจากไต้หวัน, Chagee แบรนด์ชาชื่อดังจากประเทศจีน, SNOWS แบรนด์ขนมจากฮอกไกโด, Cheung Hing Kee เสี่ยวหลงเปาจากฮ่องกง, Tomita Ramen ราเม็งจุ่มเส้นอันดับ 1 จากญี่ปุ่น หรือ Hashtag B แบรนด์ทาร์ตไข่ชื่อดังจากฮ่องกง

- HYROX ปีแรกในไทยที่แรงเกินคาด!
ความนิยมที่ถล่มทลายนี้เป็นเพราะ HYROX ตอบโจทย์คนวงกว้าง มันไม่ใช่แค่การวิ่งมาราธอนหรือการเพาะกาย แต่มันคือ Fitness Race ที่ผสมการวิ่ง 1 กม. สลับกับฐานวัดใจรวม 8 รอบ ผสานเข้ากับบรรยากาศ Sportainment ที่แสงสีเสียงจัดเต็มเหมือนมาดูคอนเสิร์ต คนที่ไปแข่งแล้วก็ติดใจ คนที่สมัครไม่ทันก็อยากไปปีหน้า ส่งผลให้ยิมทั่วไทยต้องแห่เปิดคลาสซ้อม HYROX กันเต็มเมือง
กระแสนี้ยังปลุกตลาดอุปกรณ์กีฬาให้คึกคัก อย่าง Puma (Global Partner) ที่ออกรองเท้ากลุ่ม Hybrid มากวาดตลาด หรือแม้กระทั่งเครื่อง Ski/Row จาก Concept2 ก็ได้กลายเป็นของสามัญประจำยิมที่ขาดไม่ได้ไปโดยปริยาย เรียกว่าการมาของ HYROX สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่วงการฟิตเนสไทยไม่น้อยเลยทีเดียว

- Pilates Reimagined: เมื่อประสบการณ์สำคัญไม่แพ้การยืดเหยียด
แม้พิลาทิสจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปี 2025 คือปีแห่งการอัปเกรดประสบการณ์ สตูดิโอผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดพร้อมโจทย์ใหญ่คือ ทำอย่างไรให้แตกต่าง? คำตอบคือ Variety of Experience ที่ฉีกกฎเดิมๆ ทิ้งไป
ยุคนี้สตูดิโอต้องงัดไอเดียมาสู้กันด้วยกิมมิกที่หลากหลาย เราจึงได้เห็นคลาสสไตล์ Beat Pilates ที่สาดแสงสีเสียงกระตุ้นฟีลเหมือนอยู่ในคลับ, การใช้เทคโนโลยี LED Mat เพิ่มการดูแลผิวไประหว่างเล่น หรือการผสมผสานไลฟ์สไตล์อย่าง Pilates & Matcha ที่ได้ยืดเหยียดไปจิบชาไป
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นในสวน เกิดเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ที่ดึงคนรักสุขภาพมาเจอกันจนทำให้หลากหลายแบรนด์หันมาจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน

- Racket Sports: เทรนด์กีฬาหวดที่คอร์ตไม่เคยว่าง
ปี 2025 ต้องยกให้เป็นปีแห่งไม้หวดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘คอร์ตแตก’ ทั่วกรุงฯ ความแรงนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่มีตัวเลขยืนยันชัดเจนจากรายงาน Garmin Connect Data Report 2025 ที่พบว่ายอดกิจกรรมกลุ่ม Racket Sports ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นถึง 67% โดยเฉพาะในเอเชียที่โตมากกว่า 2 เท่า สำหรับในไทยเองก็น่าตกใจไม่แพ้กัน เพราะกิจกรรม Badminton โตระเบิดถึง 116% และ Tennis พุ่งขึ้น 65% เรียกว่าเป็นปีที่คนไทยหยิบไม้ลงสนามกันเยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์
จุดเริ่มต้นความฮอตต้องยกเครดิตให้พี่ใหญ่อย่าง Tennis ที่ถูกปลุกกระแสด้วยเทรนด์ Quiet Luxury, อิทธิพลจากภาพยนตร์ฝั่งฮอลลีวูด รวมถึงเหล่าบรรดาแบรนด์หรูที่ลงมาเล่นตลาดนี้ จนทำให้ไม้ Tennis กลายเป็น ‘แอ็กเซสซอรี’ วัดฐานะทางสังคม
แต่สิ่งที่ทำให้กระแสนี้แมสจนฉุดไม่อยู่ คือการมาถึงของกีฬาน้องใหม่อย่าง Pickleball และ Padel ที่เข้ามาเติมเต็มในจุด ‘Low Skill, High Fun’ คือเน้นความสนุก เข้าถึงง่ายกว่า Tennis มาก ทำให้ภาพรวมสนามกีฬายุคนี้กลายร่างเป็น Social Club แห่งใหม่
ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้แบรนด์แฟชั่นหันมาทำคอลเล็กชัน Court-to-Street ที่ใส่เล่นเสร็จเที่ยวต่อได้ รวมถึงผู้พัฒนาอสังหาและคอมมูนิตี้มอลล์เองก็เริ่มเปลี่ยนพื้นที่ว่างให้เป็นสนามแข่งเพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนรุ่นใหม่

- Casual Dining Era ยุคของร้านอาหารสบายๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดา
จากการที่เราได้คุยกับเชฟใหญ่ระดับโลกและคนทำอาหารหลายๆ คน ทุกคนเห็นด้วยว่าในปีนี้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในการนั่งรับประทานอาหารน้อยลง ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือร้านไฟน์ไดนิ่งที่อาจไม่ได้รับความนิยมเท่าปีก่อนๆ
ในปีที่ผ่านมาพวกเราจึงได้เห็นเชฟหลายคนหันมาเปิดร้านใหม่ที่มีความ Casual มากขึ้น ไม่ต้องมีพิธีรีตอง เน้นเสิร์ฟอาหารคุณภาพที่ใช้วัตถุดิบดีไม่แพ้อาหารชั้นสูง ซึ่งร้านที่หลายคนให้ความสนใจและอยากแนะนำต่อ อาทิ Margo โดยเชฟวิลฟริด อดีตเอ็คเซคคิวทีฟเชฟของร้านไฟน์ไดนิ่ง Blue by Alain Ducasse, ข้าวสารเสก โดยเชฟแพมแห่งร้าน Potong, Soma Bangkok โดยเชฟชาลีแห่งร้าน Wana Yook และเชฟหนุ่ม แห่งร้าน Samuay and Sons หรือ ข้าวซอยปริญญ์ โดยเชฟปริญญ์ แห่งร้านสำรับ สำหรับไทย
เอาเป็นว่าใครเป็นแฟนคลับเชฟคนไหนก็ตามไปลองกันได้นะ

{{LISTSTART}}Ice Bath Cold Therapy สู่เทรนด์สุขภาพคนเมือง
{{LISTEND}}
ต้องยอมรับว่าปีนี้เทรนด์ Ice Bath หรือการแช่น้ำเย็นจัด กลายเป็นหนึ่งในลิสต์กิจกรรมสุขภาพที่โดดเด่นที่สุดในไทย จากจุดเริ่มต้นในกลุ่มนักกีฬาและสายเวลเนส ตอนนี้ขยายวงกว้างมาสู่คนทั่วไปที่แสวงหาการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจแบบองค์รวม อย่างเต็มตัว
เสน่ห์ที่ทำให้หลายคนยอมทิ้งตัวลงในน้ำอุณหภูมิเกือบติดลบ ไม่ได้มีแค่เรื่องการลดอักเสบหลังออกกำลังกายเท่านั้น แต่ในทางวิทยาศาสตร์ น้ำเย็นจัดช่วยกระตุ้นโดพามีนและปลุกระบบประสาทให้ตื่นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนมองว่านี่คือเครื่องมือฝึกสมาธิชั้นดี โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ตอนนี้เราเริ่มเห็นสตูดิโอ Wellness และยิมระดับ High-end หันมาติดตั้งอ่าง Cold Plunge กันเป็นมาตรฐานใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่ต้องการรีเฟรชสมองจากภาวะ Decision Fatigue หรือความล้าจากการตัดสินใจมาตลอดทั้งวัน ยิ่งมีการแชร์ต่อผ่านคลิปและรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ ก็ยิ่งช่วยสร้างคอมมูนิตี้ให้เทรนด์นี้เติบโต จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ช่วยให้คนเมืองรีเซ็ตตัวเองได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

- Superfood & Functional Food กินอาหารเพื่อประโยชน์
ปีนี้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วนอกจากการออกกำลังกาย อีกสิ่งที่มาควบคู่กันก็คือการกินอาหารที่หลายคนให้ความสำคัญมากไม่แพ้กัน เพราะไม่ใช่แค่ต้อง Healthy แต่สิ่งที่กินเข้าไปต้องมอบประโยชน์บางอย่างกับร่างกายด้วย
พวกเราจึงเห็นคำว่า Superfood และ Functional Food บ่อยขึ้นในปีที่ผ่านมา เพราะสองสิ่งนี้ไม่เพียงดีต่อสุขภาพ แต่ยังมาพร้อมประโยชน์หลายๆ อย่างที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เช่น มัทฉะช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ ไข่ผำเป็นโปรตีนทางเลือกใหม่ สาหร่าย Sea moss ช่วยเรื่องผิวพรรณ หรือกิมจิเป็นโพรไบโอติกส์ธรรมชาติ

- Forest Bathing อาบป่า เดินป่า การกลับสู่ธรรมชาติที่บำบัดใจคนเมือง
การเดินป่าและกิจกรรม Forest Bathing หรือ ‘อาบป่า’ ได้กลายเป็นทางออกในการฮีลใจและได้เหงื่อแบบคูลๆ ของคนรุ่นใหม่ปีนี้ เราพบว่ากระแสความนิยมนี้ไม่ใช่แค่การแบกเป้ไปเดินป่าเพื่อท้าทายร่างกายตัวเองเท่านั้น แต่คือการได้คอนเน็กต์กับธรรมชาติอย่างมีสติ ได้ฟื้นฟูจิตใจที่เหนื่อยล้าจากโลกดิจิทัลไปในตัว
สำหรับศาสตร์ Shinrin-yoku จากญี่ปุ่น หัวใจสำคัญของศาสตร์นี้คือ ‘การดื่มด่ำกับบรรยากาศของป่าผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า’ เพื่อให้ธรรมชาติเยียวยาร่างกายและจิตใจที่เน้นการใช้เวลาท่ามกลางต้นไม้ เสียงนก และกลิ่นป่า เทรนด์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มภูมิต้านทานร่างกายได้จริง
ความน่าสนใจคือตอนนี้กลุ่มคนเมืองเริ่มมองหาเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ ‘เข้าถึงง่าย’ แต่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เช่น พื้นที่เขาใหญ่ หรือป่าชุมชนใกล้กรุง ที่มีการจัดกิจกรรมเดินป่าแบบ Mindfulness โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์คนที่อยากหนีโลกที่วุ่นวายแต่มีเวลาจำกัด เราจึงเห็นกลุ่มเวิร์กช็อปและทริปเดินป่าช่วงสุดสัปดาห์กลายเป็นพื้นที่รวมตัวใหม่ของกลุ่มเพื่อนและครอบครัว เป็นการชาร์จพลังที่ตอบโจทย์ Well-being ของคนยุคนี้ได้อย่างน่าสนุกทีเดียว

- Thai Bars, Global Stage บาร์ไทยยืนหยัดได้ในเวทีโลก
ไม่มีปีไหนที่บาร์ไทยจะร้อง Chai-Yo ได้ดังเท่าปีนี้อีกแล้ว เพราะวงการบาร์บ้านเราถือว่าท็อปฟอร์มถึงขีดสุด และคว้ารางวัลระดับโลกมาได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากเวที Asia’s 50 Best Bars ที่ปีนี้บาร์ไทยติดลิสต์ Top 50 ถึง 7 บาร์ และ Extended List อีก 3 บาร์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาประเทศแถบเอเชียทั้งหมด แถมยังมีบาร์ไทยติดอันดับ Top 5 ถึง 2 แห่ง ส่งให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของนักดื่มในเอเชีย
ความสำเร็จยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะนี่คือครั้งแรกที่บาร์ไทยเข้าชิง Top 4 บนเวที Spirited Awards® 2025 สาขา Best New International Bar รางวัลที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ออสการ์ของคนบาร์’ รวมถึงการปรากฏชื่อในลิสต์ระดับโลกอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Top 500 Best Bars แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของปีนี้ ไม่ใช่แค่จำนวนรางวัล แต่คือการที่บาร์ไทยเริ่มสร้าง ‘ลายเซ็นของตัวเอง’ ทั้งการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น การเล่าเรื่องวัฒนธรรมผ่านค็อกเทล ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ที่มีบริบทของความเป็นไทยในแบบร่วมสมัย
ปีนี้จึงไม่ใช่แค่ปีแห่งรางวัล แต่คือปีที่โลกเริ่มมองเห็นว่าบาร์ไทยมีตัวตน มีเสียง และมีมาตรฐานในระดับเดียวกับบาร์ชั้นนำของโลกอย่างแท้จริง
ภาพ: THE STANDARD TEAM, Courtesy of the Brands, Shutterstock
อ้างอิง:
- https://globalwellnessinstitute.org/industry-research/2025-global-wellness-economy-monitor/
- https://www.mckinsey.com/industries/consumer-packaged-goods/our-insights/future-of-wellness-trends
- https://www.euromonitor.com/article/trending-topics-healthy-longevity
- https://www.concept2.com/blog/concept2-and-hyrox-renew-partnership-to-elevate-fitness-racing


