×

เมื่อ ‘คำสั่ง’ มาก่อน ‘ความคิด’ : ปีที่เราเกือบสูญเสียอิสรภาพทางปัญญา

25.12.2025
  • LOADING...
เมื่อ ‘คำสั่ง’ มาก่อน ‘ความคิด’ : ปีที่เราเกือบสูญเสียอิสรภาพทางปัญญา

มันเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่แทบไม่มีใครสังเกต จากงานที่เคยเริ่มต้นด้วยการคิด ตอนนี้กลับเริ่มต้นด้วยคำสั่ง แทนที่จะคิดไอเดียแรกด้วยตัวเอง หลายคนกลับหันไปขอให้ AI ร่างให้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เพราะมันรวดเร็วและสะดวกกว่า ปี 2025 ที่กำลังจะผ่านไป นิสัยเล็กๆ นี้ได้แทรกซึมเข้ามาจนกลายเป็นเรื่องปกติอย่างเงียบๆ

 

เมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้แพร่กระจาย มันได้สร้างความรู้สึกสองขั้วขึ้นมา บางคนรู้สึกเหมือนได้รับพลัง เพราะมี AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นและปลดล็อกทักษะใหม่ๆ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกกดดันอย่างเงียบๆ ทุกฟีเจอร์ใหม่เหมือนเตือนให้รู้ว่าตัวเองยังไม่เชี่ยวชาญพอ คนส่วนใหญ่ลอยอยู่ตรงกลาง สับสนระหว่างความมั่นใจกับความไม่แน่นอน ขณะที่โลกรอบตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้ AI เมื่อมันช่วยได้ และลังเลเมื่อมันไม่ช่วย พยายามปรับตัวให้ทันจังหวะไปวันๆ ขณะที่ใจลึกๆ กลับสงสัยว่า งานที่ทำอยู่นี้มีความคิดของตัวเองอยู่เท่าไรกันแน่

 

ท่ามกลางความตื่นเต้นและความกังวลที่ปะปนกันนี้ คำถามที่ลึกกว่าก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมา ถ้า AI กำลังหล่อหลอมวิธีที่เราทำงาน เรียนรู้ และคิด เราจะอยู่ร่วมกับมันได้อย่างไรโดยไม่สูญเสียอิสระทางปัญญา (cognitive autonomy) เราจะรักษาความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้อย่างไร เมื่อคำตอบโผล่มาทันที เราจะรักษาความสามารถในการตัดสินใจไว้ได้อย่างไร เมื่อคำแนะนำมาถึงพร้อมใช้งาน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ากล้ามเนื้อแห่งการคิดจะไม่ฝ่อไป เพียงเพราะเครื่องมือทำมันได้เร็วกว่า

 

งานวิจัยปี 2025 จาก MIT Media Lab ชื่อ Your Brain on ChatGPT ทำให้คำถามเหล่านี้หนีไม่พ้น นักวิจัยพบว่า เมื่อกลุ่มผู้เข้าร่วมการทดลองที่พึ่งพา AI อย่างมากในการเขียน ส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ความจำ และความพยายามอย่างต่อเนื่อง ทำงานน้อยลง งานเขียนของพวกเขาไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ และเมื่อต้องเขียนโดยไม่มี AI ในภายหลัง พวกเขาทำได้แย่กว่ากลุ่มคนที่ไม่เคยพึ่งพา AI ตั้งแต่แรก

 

การศึกษานี้สอดคล้องกับหลักฐานที่กำลังเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน งานวิจัยอื่นๆ พบว่าการใช้ AI บ่อยครั้งส่งเสริมการถ่ายโอนความคิด (cognitive offloading) หมายความว่าผู้คนเริ่มมอบหมายไม่เพียงแค่งาน แต่รวมถึงกระบวนการคิดด้วย จากหลายงานวิจัย รูปแบบค่อนข้างชัดเจน เมื่อมนุษย์ใช้ AI เพียงเพื่อรอรับคำตอบ ส่งผลให้การมีส่วนร่วมลดลง และเมื่อมีส่วนร่วมน้อยลง ศักยภาพทางความคิดก็จะเริ่มลดลงไปด้วย

 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ภาพที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิงก็เกิดขึ้นจากชุดการศึกษาที่นำโดย Stanford’s Digital Economy Lab ร่วมกับ AI Productivity Lab นักวิจัยพบว่าผู้คนมีความสามารถมากขึ้นเมื่อพวกเขาใช้ AI แบบโต้ตอบ ผลผลิตสูงขึ้น แม่นยำขึ้น และเรียนรู้เร็วขึ้น จุดต่างที่สำคัญอยู่ที่วิธีใช้เครื่องมือ เมื่อคนขอให้ AI อธิบายเหตุผล แทนที่จะแค่ให้คำตอบสำเร็จรูป พวกเขาก็ซึมซับตรรกะนั้นเข้าไป เมื่อพวกเขาเทียบข้อเสนอของ AI กับของตัวเอง พวกเขาก็ฝึกฝนการตัดสินใจ แทนที่จะปล่อยให้มันถูกแทนที่ ในสถานการณ์แบบนี้ AI เหมือนนั่งร้านที่ช่วยให้คนปีนขึ้นไปสูงกว่า ไม่ใช่ไม้ค้ำยันที่ทำให้อ่อนแอลง มันไม่ได้แทนที่สมองมนุษย์ แต่ช่วยให้สมองยืดออกไป

 

รูปแบบนี้สะท้อนในมุมธุรกิจด้วย ตามรายงาน State of AI 2025 ของ McKinsey องค์กรที่เห็นผลกระทบมากที่สุดคือองค์กรที่ออกแบบขั้นตอนการทำงานใหม่ ขณะที่ยังให้คนรับผิดชอบในการตรวจสอบและยืนยันผลลัพธ์จาก AI ผู้ตอบแบบสอบถาม 27% บอกว่าผลลัพธ์ทั้งหมดจาก Generative AI ต้องถูกตรวจก่อนใช้การนำ AI ไปใช้ที่ได้ผลไม่ได้หมายถึงการแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ แต่คือการฝัง AI เข้าไปในขั้นตอนการทำงาน ขณะที่มนุษย์ยังคงบังคับทิศทาง ตรวจสอบ และให้บริบทแก่สิ่งที่เทคโนโลยีสร้างขึ้นมา

 

ทั้งหมดนี้บอกอะไรบางอย่าง ความท้าทายที่แท้จริงของยุคปัญญาประดิษฐ์ไม่ใช่แค่การเรียนรู้เครื่องมือ แต่คือการไม่ลืมว่าจะคิดควบคู่ไปกับมันอย่างไร ความเสี่ยงไม่ใช่ว่า AI จะทรงพลังเกินไป แต่คือมนุษย์ค่อยๆ ถอยห่างจากส่วนที่ยากของการคิด เพราะทางลัดอยู่ตรงหน้าเสมอ โอกาสคือสิ่งตรงกันข้าม เมื่อใช้อย่างกระตือรือร้น AI สามารถเร่งการเรียนรู้ เพิ่มความเข้าใจให้ลึกซึ้ง และช่วยให้ผู้คนทำงานที่เมื่อก่อนอาจจะเคยทำไม่ได้ตามลำพัง ความแตกต่างระหว่างอนาคตทั้งสองแบบอยู่ที่บทบาทที่เรากำหนดให้มัน

 

ที่ SCBX เราเชื่อว่าอนาคตไม่ใช่การแข่งขันระหว่างมนุษย์กับ AI แต่เป็นความร่วมมือที่เสริมกำลังทั้งสองฝ่าย เป้าหมายคือการทำให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีทำให้ผู้คนมีความสามารถมากขึ้น ไม่ใช่ลดทอนการมีส่วนร่วมของมนุษย์ มันควรทำหน้าที่เสริมกำลังการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่ลบความจำเป็นที่เราจะต้องตัดสินใจทิ้งไป AI จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคง ความยืดหยุ่น และความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค Intelligence Era อย่างเต็มตัว

 

AI จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่ความก้าวหน้าจะไม่ได้ถูกวัดจากความเร็วที่ AI ตอบคำถาม มันจะถูกวัดจากว่ามนุษย์ยังคงหยุดเพื่อถามคำถามของตัวเองหรือไม่ อนาคตไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว มันคือสิ่งที่เราหล่อหลอมขึ้นมาผ่านสิ่งที่เราเลือกมอบหมายออกไปและสิ่งที่เราเลือกเก็บไว้กับตัว และบางทีทางเลือกที่สำคัญที่สุดในยุค Intelligence Era ก็คือทางเลือกแรกสุด ก่อนที่เราจะเปิดแล็ปท็อป ก่อนที่เราจะพิมพ์คำสั่ง ก่อนที่เราจะส่งไอเดียแรกออกไป เรายังสามารถเลือกที่จะคิดเองได้ เพราะเมื่อนิสัยนั้นหายไป ปัญญาอาจจะยังคงอยู่ทั่วทุกแห่ง ยกเว้นในที่ๆ มันเคยเริ่มต้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising