×

ประชาธิปัตย์ยืนยันมติ ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคกล้าธรรม ขณะอภิสิทธิ์ย้ำไม่ทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค

โดย THE STANDARD TEAM
24.12.2025
  • LOADING...
ประชาธิปัตย์ยืนยันมติ ไม่ร่วมรัฐบาล **พรรคกล้าธรรม** ขณะอภิสิทธิ์ย้ำไม่ทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค

วันนี้ (24 ธันวาคม) สาทิตย์ วงษ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม โดยระบุว่า นี่ถือเป็นจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ใช่เฉพาะของหัวหน้าพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น แต่เกิดจากการรับฟังเสียงประชาชน ผ่านแคมเปญ ‘ประเทศไทยไม่ทน’ ซึ่งประชาชนบอกว่า ไม่สามารถทนนกับการเมืองสีเทา และการทุจริตได้

 

สาทิตย์ระบุว่า การประกาศจุดยืนเช่นนั้นของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นความกล้า และเมื่อประกาศไปแล้วมีเสียงวิจารณ์ว่า ที่สุดแล้วก็เหมือนเดิม เมื่อหัวหน้าประกาศจุดยืนไปแล้ว กรรมการบริหารพรรคก็มีมติเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แล้วสุดท้ายหัวหน้าพรรคก็ลาออก แต่มาวันนี้อภิสิทธิ์ประกาศในที่ประชุมกรรมการบริหารเองว่า ขอให้เป็นมติผูกพัน และในทางข้อบังคับพรรค ถือเป็นการผูกพันไปถึงหลังเลือกตั้ง และ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อภิสิทธิ์จะอยู่จนครบวาระเพื่อทำการเมืองต่อไป

 

สาทิตย์บอกด้วยว่า รู้สึกแปลกใจว่าเมื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมแล้ว ทำไม พรรคประชาชนถึงบอกว่า พูดไม่ได้ อ้างว่า กลัวผิดกฎหมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยประกาศมาแล้วว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย จึงสงสัยว่าทำไมคราวนี้ถึงประกาศไม่ได้

 

สาทิตย์ชี้ว่า การเมืองควรมีจุดยืนที่ชัดเจน ความตั้งใจของอภิสิทธิ์ หลังออกจากวงการการเมือง 5-6 ปี ซึ่งการเมืองมาถึงจุดตกต่ำ และ ไม่เห็นด้วยกับการเมืองดีลลับสลับขั้ว ที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นนักการเมืองน้อยลง ถึงขั้นพูดว่า สมการการเมืองช่วงหลัง ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการนั้นเลย แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือ ทันทีที่อภิสิทธิ์ ประกาศออกไป ก็มีการตีความไปหลายทาง เช่น ประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เกี่ยว เพราะหัวหน้าพรรคตัดสินใจเรื่องนี้โดยไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นการประกาศ จุดยืนว่า “เราไม่เอาทุนเทา” และทำการเมืองสุจริต

 

สาทิตย์ยังเรียกร้องให้ทุกพรรคมีจุดยืนที่ชัดเจน และยังมีการตีความไปอีกว่า หาก พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาพรรคกล้าธรรม แล้ว ไปจับมือกับพรรคประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ถือเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมือง ที่มุ่งโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ และ บิดเบือนข้อเท็จจริงจากจุดยืนของหัวหน้าพรรค และเมื่อผูกพันเป็นมติพรรคแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

 

“ทำการเมือง อย่าดูถูกประชาชน เชื่อว่า ประชาชนต้องการเห็นจุดยืนของแต่ละพรรคการเมือง ไม่มีใครคิดแทนประชาชนได้ เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นจุดยืนทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศ และการที่บอกว่ามีการจับมือกันล่วงหน้า ถือเป็นวิธีคิดที่ไม่มีประชาชนอยู่ในความคิดนั้น จากวันนี้ถึงวันเลือกตั้ง ประชาชนจะติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้คิด ขอให้ประชาชนติดตามดูการดีเบต ดูจุดยืนทางการเมืองว่าใครหนีเวทีบ้าง ใครประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ไม่กล้าขึ้นเวที ดีเบต ในประเทศประบอบประชาธิปไตย การดีเบต คือการแสดงจุดยืนทางการเมือง ส่วนผลการเมืองตั้งเป็นอย่างไร ให้รอดูหลังวันเลือกตั้ง”

 

ส่วนในอนาคตหากต้องจับมือกับพรรคประชาชน จะมีจุดยืนต่อมาตรา 112 อย่างไร สาทิตย์ย้ำจุดยืนว่า มาตรา 112 เป็นมาตราที่ยังมีความจำเป็น แต่การบังคับใช้ต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส ประเด็นไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย แต่อยู่ที่การบังคับใช้ หัวหน้าพรรคประชาชนไม่ได้บอกว่า จะแก้มาตรา 112 แต่มุ่งเน้นจะนิรโทษกรรมให้ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ซึ่ง ตอนนี้กฎหมายถูกแช่แข็งอยู่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะมีมติให้เดินหน้ากฎหมายฉบับนี้หรือไม่

 

ส่วนที่มีการโจมตีพรรคประชาธิปัตย์เรื่องสลายการชุมนุมนั้น สาทิตย์ยอมรับว่า ตอนนี้ถูกโจมตี 3 เรื่อง เรื่องแรก โครงการชั่งไข่ ซึ่งไม่เคยเห็นมีว่าการขายแบบนี้ที่ไหน เรื่องนี้เป็นประเด็นเก่า เหมือนท่องกันมา แต่ไม่มีผล เพราะไม่มีอยู่จริง ส่วนเรื่องคดี 99 ศพ เรื่องนี้ ต้องดูที่อภิสิทธิ์ชี้แจงกับนักศึกษาที่จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งเรื่อง MOU43-44 ก็พูดถึงน้อยลง เพราะมีการประชุมผ่านกลไกทวิภาคีแล้ว

 

สาทิตย์มองว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่นำมาโจมตีพรรค หลังพรรคได้รับความสนใจจากประชาชน พรรคและ หัวหน้าพรรคพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising