×

‘หยุดยิงแท้จริง ไม่ใช่แค่ประกาศ’ สรุปประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียนถกปัญหาไทย-กัมพูชา

22.12.2025
  • LOADING...
‘หยุดยิงแท้จริง ไม่ใช่แค่ประกาศ’ สรุปประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียนถกปัญหาไทย-กัมพูชา

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ ว่าด้วยสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย ในวันนี้ (22 ธันวาคม) โดยแสดงความขอบคุณมาเลเซียที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ พร้อมทั้งยืนยันเรื่องการหยุดยิงว่าไม่ได้มาด้วยการประกาศ แต่ต้องมาจากการพูดคุย และมีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันอย่างแท้จริง ก่อนที่ไทยจะกลับไปปฏิบัติตามข้อตกลงในปฏิญญาร่วมที่เคยมีการลงนามกันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

สีหศักดิ์กล่าวว่า ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ เขาได้ยืนยันถึงความปรารถนาดีที่ฝ่ายไทยมีต่อกัมพูชามาโดยตลอด นับตั้งแต่ช่วงที่กัมพูชามีปัญหาสงครามกลางเมือง ซึ่งไทยสนับสนุนการแก้ไขเพื่อนำสันติภาพกลับมา อีกทั้งยังเปิดชายแดนรับผู้อพยพกัมพูชาให้มีที่พักพิงในไทย ตลอดจนให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมีความปรารถนาที่ดีต่อกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่อยากจะอยู่ร่วมกันโดยสันติ

 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชากลับพยายามที่จะขยายประเด็นนี้ ไปเป็นประเด็นระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบของสหประชาชาติ แทนที่จะพยายามแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีระหว่าง 2 ฝ่าย เพราะประเด็นที่สำคัญคือความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน

 

โดยสีหศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีการปล่อยคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าเป็นการกระทำเพื่อแก้ไขปัญหาหรือเพื่อเป็นการบั่นทอนรัฐบาลไทยในขณะนั้น

 

ทั้งนี้ สำหรับความพยายามในการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งทั้งการประชุมทั้งที่เมืองปุตราจายา ของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และการประชุมนอกรอบเวทีประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งมีการลงนามข้อตกลงที่เรียกว่าปฏิญญาร่วมนั้น สีหศักดิ์ ระบุว่าเขาได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ว่านั่นคือเส้นทางไปสู่สันติภาพ แต่ต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงทั้งหมด 4 ข้อซึ่งทุกข้อมีความสำคัญเท่าเทียมกัน คือ

 

1. ถอนกำลังทหารและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน

 

2. การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งสำคัญมาก เพราะทหารไทย 6 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากทุ่นระเบิดไปแล้ว และต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่ 7 ขึ้น โดยพบว่ามีทุ่นระเบิดที่เพิ่งวางไว้ใหม่ ซึ่งได้รับการยืนยันจากทีมสังเกตการณ์อาเซียน (AOT) อันเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน

 

3. จัดการปัญหาสแกมเมอร์ หรือการฉ้อโกงตามแนวชายแดน

 

4. ปัญหาการรุกล้ำที่ส่งผลกระทบต่อการกำหนดเขตแดน

 

“เรื่องการกู้ทุ่นระเบิดมีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย เพราะเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บขาขาดมา 6 ครั้งแล้ว และพอลงนามไปแล้วก็ยังเกิดเหตุการณ์ครั้งที่ 7 อีก นี่เป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงที่กัวลาลัมเปอร์ เราต้องหาเหตุผลอธิบายคนไทยได้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุ ซึ่งเรายังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากกัมพูชา” สีหศักดิ์ กล่าวต่อที่ประชุม และยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาสู่การปะทะและการสู้รบตลอดแนวชายแดน

 

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำว่า “ในการมาร่วมประชุมครั้งนี้ฝ่ายไทยไม่ได้มาแลกเปลี่ยนการกล่าวหาซึ่งกันและกัน แต่จะดูว่าจะเดินหน้าไปสู่การหยุดยิงได้อย่างไร”

 

“การหยุดยิงไม่ได้มาด้วยการประกาศอย่างที่กัมพูชาอยากให้มีในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ แต่ต้องมาจากการพูดคุย และมีข้อตกลงทั้งในเรื่องของมาตรการและการตรวจสอบ”

 

โดยเขาเปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้กองทัพของทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกัน และตกลงที่จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC (General Border Committee) ในวันที่ 24 ธันวาคม นี้ เพื่อดูว่าจะหยุดยิงกันอย่างไร จะมีมาตรการอย่างไร และใครจะเป็นคนตรวจสอบ

 

“เพราะฉะนั้นก็คือจุดเริ่มต้นที่เราจะกลับไปปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม คือต้องมีการหยุดยิงก่อน และต้องเป็นการหยุดยิงอย่างแท้จริง ไม่ใช่การหยุดยิงที่มาจากคำประกาศ ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วยให้มีการประชุมกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย และในที่สุดก็ตกลงว่าเป็นกรอบ GBC ที่ดีที่สุด”

 

“ผมยืนยันว่าตลอดเวลาในการพูดคุย เรายึดมั่นกับหลักการของเรา คือ เราต้องรักษาศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของประเทศไทย และปกป้องอธิปไตยของไทย เหตุการณ์ครั้งนี้มาจากการละเมิดปฏิญญาร่วมของฝ่ายกัมพูชาก่อน โดยเฉพาะเรื่องทุ่นระเบิดซึ่งไทยให้ความสำคัญ และไม่ใช่ตามที่มีผู้กล่าวว่าเป็น ‘อุบัติเหตุข้างถนน’ อย่างแน่นอน”

 

ทั้งนี้ สีหศักดิ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างชาติเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาข้อตกลงหยุดยิง โดยยืนยันว่าการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในครั้งนี้ จะใช้เวลานานเท่าที่จำเป็น ซึ่งไทยต้องการคำมั่นสัญญาที่แน่วแน่ และต้องมีแผนดำเนินการโดยละเอียด โดยกองทัพไทยต้องหารือประเด็นเหล่านี้กับฝ่ายกัมพูชา

 

สำหรับคำถามว่าฝ่ายกัมพูชายอมรับเรื่องการช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือไม่นั้น สีหศักดิ์ ชี้ว่าส่วนหนึ่งของการพูดคุยเรื่องหยุดยิงในกรอบ GBC นั้น คือต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เคยตกลงกันในปฏิญญาร่วม ซึ่งรวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในทุกๆ จุดในพื้นที่ชายแดน โดยมีจุดที่ไทยให้ลำดับความสำคัญ

 

ส่วนคำถามว่าปฏิบัติการทางทหารของไทยที่เกิดขึ้น เป็นการปราบปรามแหล่งค้ามนุษย์หรือที่ตั้งศูนย์สแกมเมอร์หรือไม่นั้น สีหศักดิ์ ยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามแหล่งค้ามนุษย์ แต่พบว่าบางแหล่งค้ามนุษย์ถูกใช้เป็นศูนย์ควบคุมกิจกรรมทางทหาร และตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางทหาร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising