วันนี้ (3 ธันวาคม) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) เปิดเผยความคืบหน้าหลังนำกำลังเข้าตรวจค้นและสอบปากคำ นานา ไรบีนา หรือ ไรบีนา อินทชัย อายุ 45 ปี นักแสดงและพิธีกร ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
สืบเนื่องจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดของนานา รวม 17 ราย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนนำไปสู่การขอศาลออกหมายจับและหมายค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ประกอบด้วย:
- รถยนต์
- กระเป๋าแบรนด์เนม
- ของสะสม Art Toy จำนวน 11 ชิ้น
- เครื่องเพชรประมาณ 50 ชิ้น
- เครื่องประดับและนาฬิกาหรู
สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุ พบว่ามีความเสียหายรวมกว่า 195 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิทลงทุนใน 4-5 รูปแบบ ได้แก่:
1. ปล่อยสินเชื่อ/เงินกู้: อ้างผลตอบแทน 4-7%
2. เทรดหุ้น: มีการอุปโลกน์บุคคลขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งที่ไม่มีจริง
3. ทำสนามบาสเกตบอล
4. เปิดร้านอาหารระดับประเทศ: กรณีนี้พบผู้เสียหายคือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ถูกชักชวนลงทุนทำร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา เสียหาย 3 ล้านบาท โดยไม่มีการลงทุนจริง
จากการสอบปากคำเบื้องต้นนานา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าการกู้ยืมเงินลักษณะดังกล่าวผิดกฎหมาย และเชื่อว่าจะหาเงินมาชดใช้คืนได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้เข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน ตำรวจได้รายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้ว เพื่อตรวจสอบและยึดทรัพย์สินที่ได้มาหลังจากการกระทำความผิด (ช่วงเดือนกันยายน 2565 เป็นต้นมา)
ส่วนเรื่องการประกันตัว หากผู้ต้องหายื่นคำร้อง พนักงานสอบสวนจะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับการประกันตัวได้
ในส่วนของ เวย์ ไทเทเนี่ยม หรือ ปริญญา อินทชัย สามีของนานา ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ ยังชี้แจงกรณีที่ทนายสายหยุดระบุว่าพา นานา มาพบตำรวจเมื่อวันจันทร์แต่ไม่มีการรับมอบตัวว่า เนื่องจากทนายความนำเอกสารมาส่งในช่วงเวลา 17.00 น. ซึ่งอยู่นอกเวลาราชการ และขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับ จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว อีกทั้งคดีนี้มีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนจึงสามารถขอศาลออกหมายจับได้ทันทีโดยไม่ต้องออกหมายเรียกก่อน


