×

หาดใหญ่: วิกฤตภูมิอากาศ วิกฤตระบบ และวิกฤตผู้นำ

27.11.2025
  • LOADING...
hatyai-flood-analysis-systemic-failure-leadership-crisis

น้ำท่วมหาดใหญ่ ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นจากสภาพอากาศสุดขั้ว แต่คือการเปิดโปงจุดอ่อนเชิงระบบของประเทศไทยอย่างชัดเจนที่สุดในรอบหลายปี ทั้งในมิติฟ้า-ดิน-เมือง และวิกฤตภาวะผู้นำ

 

ฝนกว่า 335 มิลลิเมตรใน 24 ชั่วโมง อยู่ในระดับ ‘ฝน 300 ปีมีครั้ง’ ตามมาตรฐานสากล ปริมาณที่มากเกินขีดความสามารถของโครงสร้างเมืองที่ออกแบบไว้สำหรับโลกยุคเก่า ขณะที่ภูมิประเทศรอบหาดใหญ่เป็นแอ่งรับน้ำ ทำให้มวลน้ำจากภูเขาไหลลงสู่เมืองอย่างรวดเร็ว น้ำไม่เพียงสูง แต่ ‘แรง’ จนทีมกู้ภัยต้องใช้เจ็ตสกีแทนเรือช่วยผู้ประสบภัย โดยมีรถจำนวนมากอยู่ใต้น้ำเป็นอุปสรรค ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าธรรมชาติคือระบบมนุษย์ที่ล่มพร้อมกันทั้งเมือง โทรศัพท์ล่ม อินเทอร์เน็ตล่ม ช่องทางสื่อสารทุกชนิดแทบจะหยุดชะงัก ความช่วยเหลือไปไม่ถึงจุดที่วิกฤตที่สุด หน่วยงานในพื้นที่จำนวนมากไม่รู้ว่าต้องประสานใคร และประชาชนจำนวนมากติดอยู่ในบ้านโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพียงพอ ทำให้สถานการณ์รุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า

 

ในระดับโครงสร้าง ปัญหา ‘การขาดเอกภาพในการสั่งการ’ คือรากลึกที่ยังแก้ไม่ได้ หลังจากมี พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ปี 2561 และการตั้งศูนย์บัญชาการน้ำแห่งชาติ แต่ในทางปฏิบัติยังมีหน่วยงานเกี่ยวข้องมากกว่า 30-40 หน่วย แต่ละหน่วยมีข้อมูล แผนงาน และงบประมาณของตนเอง ไม่มีใครมีอำนาจตัดสินใจแบบ Single Command จริงๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินน้ำกับคนถูกแยกไปอยู่ในกฎหมายคนละฉบับ คนละศูนย์กลาง การสั่งการจึงช้า ขาดเป้าหมายเดียว และไม่สอดคล้องตามลำดับพื้นที่วิกฤต

 

ด้านเศรษฐกิจ วิจัยกรุงศรีประเมินว่าความเสียหายจากเหตุการณ์นี้อยู่ในช่วง 11,800-23,600 ล้านบาทตามระยะเวลาฟื้นฟู โดยหาดใหญ่คือหัวใจของเศรษฐกิจภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นการค้าชายแดน ท่องเที่ยว การแพทย์ โลจิสติกส์ และบริการ การหยุดชะงักเพียงไม่กี่สัปดาห์มีผลลามถึงเศรษฐกิจทั้งภาคและสะท้อนไปถึงระดับประเทศ

 

หากเรามองภาพใหญ่จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องของหาดใหญ่เท่านั้น แต่เป็น ‘ภาพย่อส่วนของทั้งประเทศ’ ที่กำลังเผชิญภัยพิบัติหนักขึ้นทุกปี จากอุบลราชธานี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช นนทบุรี-ปทุมธานี ไปจนถึงกรุงเทพฯ ที่หลายสถาบันวิจัยเตือนว่าอาจเผชิญความเสี่ยงน้ำท่วมครั้งใหญ่ในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าจากการทรุดตัวของเมืองและน้ำทะเลสูงขึ้น

 

ประเทศไทยจึงไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเดิมได้อีกต่อไป การเพิ่มท่อหรือขุดคลองใหม่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว สิ่งที่ประเทศต้องมีคือระบบน้ำแห่งชาติแบบใหม่ทั้งใบที่ประกอบด้วย

 

  1. ศูนย์บัญชาการน้ำที่มีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จ
  2. แพลตฟอร์มข้อมูลน้ำ ฝน เขื่อน แบบ One Map, One Data และ One Truth
  3. ระบบสื่อสารฉุกเฉินที่ไม่ล่มทั้งเมือง
  4. ผังเมืองใหม่ที่ ‘อยู่กับน้ำ’ แทนการพยายาม ‘เอาชนะน้ำ’
  5. การลงทุนเชิงป้องกันที่มองว่า ‘ความมั่นคงด้านน้ำ’ คือ ‘ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ’ ของประเทศ

 

และเหนือสิ่งอื่นใด เราต้องการผู้นำรูปแบบใหม่ในยุคสภาพอากาศสุดขั้ว ผู้นำที่นำได้จริงบนข้อมูลจริง กล้าบอกความจริง กล้าตัดสินใจยาก และกล้าสื่อสารอย่างโปร่งใส โดยไม่ใช้คำว่า ‘เอาอยู่’ เป็นเครื่องมือทางการเมือง

 

น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้คือเสียงเตือนที่ดังที่สุดว่า ประเทศไทยไม่ได้แพ้น้ำแต่แพ้ระบบที่สร้างมาเพื่อโลกอีกใบหนึ่ง หากเรายังไม่เริ่มเปลี่ยนวันนี้ ภัยพิบัติครั้งต่อไปอาจไม่ให้เวลาตั้งตัวมากเท่าครั้งนี้ และอาจไม่ใช่แค่เมืองหนึ่งที่ต้องลอยคอรอความช่วยเหลือ แต่คืออนาคตทั้งประเทศที่จมอยู่ใต้น้ำ

 

นี่คือเวลาที่ต้อง ‘สร้างระบบใหม่’ และ ‘ภาวะผู้นำ’ เพื่อให้ความสูญเสียครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันต่อโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าที่เราคิด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising