สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการเหรียญ WLD สื่อสารกับลูกค้าให้ชัดเจนผ่านช่องทางต่าง ๆ และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบของลูกค้าเป็นสำคัญ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เผยแพร่ข่าว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ว่า มีการสั่งการให้ผู้ให้บริการและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลม่านตา ระงับหรืองดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบการสแกนม่านตาโดยทันที และลบทำลายข้อมูลม่านตาและข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนและไม่ให้นำเอาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้โดยไม่ถูกต้อง โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหรียญ WLD มีการซื้อขายทั่วโลกอยู่ก่อนจะมีการสแกนม่านตาในประเทศไทย และการสั่งระงับนี้เป็นเฉพาะส่วนของกิจกรรมการสแกนม่านตา
ในส่วนของการให้บริการซื้อขาย แลกเปลี่ยน เหรียญ WLD ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังให้บริการได้ โดย ก.ล.ต. กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการเหรียญ WLD สื่อสารกับลูกค้าให้ชัดเจนผ่านช่องทางต่างๆ รวมทั้งขึ้นเครื่องหมายแจ้งเตือนเกี่ยวกับเหรียญ WLD บนแพลตฟอร์ม โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบของลูกค้าเป็นสำคัญ
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลและติดตามความคืบหน้าจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงระมัดระวังการใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และยังมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวง (scam) รวมถึงความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน
โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First และสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มิใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ได้ที่ investor alert ลิงก์ https://market.sec.or.th/public/idisc/th/InvestorAlert
World ประเทศไทย ประกาศระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริง
World ประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่ได้รับจดหมายจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) บริษัทฯ ได้ระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริงใน ประเทศไทยชั่วคราว คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ แม้บริษัทฯ จะได้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของประเทศไทยอย่างครบถ้วน รวมถึงผ่านกระบวนการตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อบังคับมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ ได้ให้ข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน
การระงับการดำเนินการในครั้งนี้จะส่งผลกระทบในทางลบต่อคนไทยหลาย ล้านคนที่ได้เลือกใช้เทคโนโลยีนีเพื่อช่วยปกป้องตนเองจากการหลอกลวง การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล และภัยคุกคามจากการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน
บริษัทฯ ขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ ปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคตสำหรับคนไทย และจะยังคงดำเนิน การหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และสำนักงานคณะ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทาง ดำเนินงานที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป


