×

ไม่จบง่าย! ‘ณพ ณรงค์เดช’ งัดหลักฐานโต้ หลังถูกศาลพิพากษา ยืนยัน พ่อ ‘เกษม’ เซ็นเอกสารจริง พร้อมสู้คดีถึงที่สุด

14.11.2025
  • LOADING...
ไม่จบง่าย ‘ณพ ณรงค์เดช’ งัดหลักฐานโต้ หลังถูกศาลพิพากษา ยืนยัน พ่อ ‘เกษม’ เซ็นเอกสารจริง พร้อมสู้คดีถึงที่สุด

มหากาพย์คดีฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ยังไม่จบลงโดยง่าย

 

แม้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ศาลอาญารัชดา คืนความเป็นธรรมให้เกษม ณรงค์เดช และ สั่งจําคุกคุณหญิง กอแก้ว บุญยะจินดา-ณพ ณรงค์เดช คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เหตุใช้เอกสารลายเซ็นปลอมพ่อตัวเองรับหุ้นวินด์ เอนเนอยี่ (WEH) มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

 

ล่าสุด วันนี้ 16 พ.ย. ‘ณพ ณรงค์เดช’ ออกมาแถลงชี้แจง พร้อมงัดพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งยืนยันว่า ไม่มีการปลอมลายเซ็นในเอกสารโอนหุ้นบริษัทวินด์ เอเนอร์จี้ฯ มีเอกสารการโอนหุ้นที่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

ไม่จบง่าย ‘ณพ ณรงค์เดช’ งัดหลักฐานโต้ หลังถูกศาลพิพากษา ยืนยัน พ่อ ‘เกษม’ เซ็นเอกสารจริง พร้อมสู้คดีถึงที่สุด 1

 

‘ณพ ณรงค์เดช’ แจงที่มาธุรกิจ เปิดหลักฐานคลิปเสียง ยัน ‘เกษม’ เซ็นเอกสารหุ้นวินด์จริง

 

ณพ กล่าวว่า ได้ซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด มาตั้งแต่ ปี 2558 และได้ชวนพี่น้องร่วมลงทุนแต่ถูกปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ต่อมาพอเริ่มเห็นแววประสบความสำเร็จก็จะอยากเข้ามาร่วมลงทุน

 

ย้อนไปในปี 2559 ณพได้ขายบริษัทนี้ให้กับคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (แม่ยาย) ซึ่งคุณหญิงกอแก้วได้ซื้อบริษัทนี้ไป และได้ชำระเงินค่าหุ้นโดยมีหลักฐานทางการเงินอย่างชัดเจน ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทน รวม 5 ฉบับได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560

 

ในขณะนั้น ณพได้ขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ ในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารเท่านั้น โดยท่านไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นใดๆ

 

“คลิปเสียงการพูดคุยที่นำมาเปิดวันนี้ เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล อยู่ในช่วงเดือนก.พ. 2561 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการทำเอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึงสองปี และมีเสียงคุณพ่อยอมรับว่าเซ็นเอกสารชัดเจน” ณพ กล่าว

 

ทั้งนี้ ในคลิป ดร.เกษม หรือคุณพ่อ ได้ระบุเองและรับรู้ชัดเจนว่าหุ้นที่อยู่ในมือท่านไม่ใช่ของท่าน และท่านไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น เบื่อที่จะเซ็นเอกสารจึงมีการโอนหุ้นคืนให้คุณหญิงก่อแก้ว เพื่อเปิดเผยชื่อเจ้าของเนื่องจากบริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์

 

“ฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือถึงเวลาเซ็นขายก็เซ็น เซ็นให้เซ็นไปเรื่อยๆ ฉันถึงบอกว่าตอนหลังบอกไม่เอาแล้วเว้ย ดึกๆ ดื่นๆ ฉันจะต้องนั่งเซ็นไอ้นี่ให้เขา เพราะฉะนั้นเอาคืนไปหมดดีกว่า” เสียงดร.เกษม ในคลิประบุ

 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

ณพโต้ข้อกล่าวหา ‘ปลอมแปลงเอกสาร’

 

ณพ ยืนยันอีกว่า ตนเองเป็นเจ้าของเดิม เข้าลงทุนด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2558 และคุณหญิงกอแก้วเป็นผู้รับซื้อหุ้น และเป็นเจ้าของต่อในปี 2559 โดยมีเส้นทางการเงินที่ชัดเจน มีการพิสูจน์ในศาลเรียบร้อย จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปลอมแปลงเอกสารเพื่อเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว

 

สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแพ่ง ศาลก็ระบุว่าโจทก์ (ฝั่งกฤษณ์ และกรณ์ ณรงค์เดช) ไม่สามารถแสดงหลักฐานการชำระค่าหุ้นที่ชัดเจนได้ และไม่น่าเชื่อว่าคุณเกษมจะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น หากคุณเกษมมีสิทธิ์ในหุ้นจริงก็สามารถจัดสรรหุ้นได้ตามความประสงค์

 

ณพ ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู เอาของๆ พ่อไปให้แม่ยาย เห็นครอบครัวคนอื่นดีกว่าตัวเอง ขอย้ำว่า เป็นผู้ซื้อธุรกิจนี้มา โดยมีการพิสูจน์ในศาลชัดเจน ว่าหุ้นเป็นการลงทุนของตนและคุณหญิง ยอมรับว่าคุณหญิงก่อแก้วได้เข้ามาช่วยเหลือตนในวันที่ลำบาก เพราะขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าธุรกิจวินด์ฯ จะดีหรือไม่ดี ทำให้ปัจจุบันตนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลคุณหญิงกอแก้วและลูกๆ

 

นอกจากนั้น ณพยังเปิดเผยคลิปแสดงหลักฐานชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมา ‘น้องดณ’ บุตรชายของตนพยายามเข้าไปพบ และดูแลคุณปู่ คือ เกษม แต่ถูกคนในบ้าน ไม่ให้พบมาโดยตลอด

 

ไม่จบง่าย ‘ณพ ณรงค์เดช’ งัดหลักฐานโต้ หลังถูกศาลพิพากษา ยืนยัน พ่อ ‘เกษม’ เซ็นเอกสารจริง พร้อมสู้คดีถึงที่สุด 2

 

เมื่อผู้สื่อข่าว ถามถึงกระบวนการยุติธรรม หลังศาลพิพากษาเมื่อล่าสุดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ว่า “จะสู้ต่อจนถึงที่สุด ซึ่งคดียังไม่มีการสิ้นสุดข้อสงสัย” ดังนั้น

 

ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติที่พบ 4 ประเด็น

 

  • กรณีตำรวจที่รับผิดชอบคดีเอกสารว่าปลอมหรือไม่ปลอม พบว่า มีผู้กำกับจาก สน.ห้วยขวาง มารับแจ้งความที่บ้านคุณพ่อในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.ทองหล่อ และตั้งข้อสงสัยว่าปกติแล้วตำรวจมีบริการรับแจ้งความถึงบ้านหรือไม่
  • การตรวจพิสูจน์หลักฐาน ผลการตรวจลายมือออกภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งนายณพตั้งคำถามว่ารวดเร็วผิดปกติหรือไม่ แม้แต่คดีสำคัญระดับชาติก็ใช้เวลาเป็นเดือน และ คณะกรรมการอีก 2 คน จนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
  • ทางด้านอัยการและผู้พิพากษา นายณพได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2565 เกี่ยวกับการที่อัยการเข้าออกบ้านของพี่ชายตน และยังได้ร้องเรียนต่อ ก.ต. ในปี 2565 เรื่องอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านคู่ความและรองอธิบดีสั่งสำนวนที่ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงข่าวเรื่องเงินสินบน 100 ล้านบาท
  • ในประเด็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายณพตั้งข้อสงสัยว่าทำไมศาลจึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ถึง 100% ทั้งที่โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของเพียง 49% และคำสั่งนี้ยังคงอยู่แม้โจทก์จะแพ้คดีทุกข้อหาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนั้น จึงต้องการความยุติธรรมและการเปิดเผยข้อมูล

 

“ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมยินดีเข้าร่วมการเสวนาทางวิชาการ หรือออกรายการโทรทัศน์ทุกรายการ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความจริง ทำไมผมกลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่ผมเป็นเจ้าของคุณหญิง(กอแก้ว) เป็นเจ้าของ” ณพ กล่าว

 

ณพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องเผชิญเรื่องราวมากมาย ทั้งไม่มีโอกาสได้พบกับบิดา และลูกของเขาเองก็ไม่ได้พบปู่ ทำให้เจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อมีคนกล่าวหาว่าเป็น ลูกอกตัญญู ซึ่งมีบางคน ใช้ประเด็นครอบครัวและสถานการณ์ สุขภาพของบิดาไปเป็น ‘เครื่องมือสร้างอำนาจต่อรอง’

 

ทั้งนี้ หลังจากนี้จะขอใช้สิทธิสู้ต่อคดีในศาลฎีกา ซึ่งหลักฐานที่นำมาเปิดเผยในวันนี้ได้ยื่นต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุดต่อไป

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising