มหากาพย์คดีฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ยังไม่จบลงโดยง่าย
แม้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ศาลอาญารัชดา คืนความเป็นธรรมให้เกษม ณรงค์เดช และ สั่งจําคุกคุณหญิง กอแก้ว บุญยะจินดา-ณพ ณรงค์เดช คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เหตุใช้เอกสารลายเซ็นปลอมพ่อตัวเองรับหุ้นวินด์ เอนเนอยี่ (WEH) มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท
ล่าสุด วันนี้ 16 พ.ย. ‘ณพ ณรงค์เดช’ ออกมาแถลงชี้แจง พร้อมงัดพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งยืนยันว่า ไม่มีการปลอมลายเซ็นในเอกสารโอนหุ้นบริษัทวินด์ เอเนอร์จี้ฯ มีเอกสารการโอนหุ้นที่ถูกต้องตามกฎหมาย

‘ณพ ณรงค์เดช’ แจงที่มาธุรกิจ เปิดหลักฐานคลิปเสียง ยัน ‘เกษม’ เซ็นเอกสารหุ้นวินด์จริง
ณพ กล่าวว่า ได้ซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด มาตั้งแต่ ปี 2558 และได้ชวนพี่น้องร่วมลงทุนแต่ถูกปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ต่อมาพอเริ่มเห็นแววประสบความสำเร็จก็จะอยากเข้ามาร่วมลงทุน
ย้อนไปในปี 2559 ณพได้ขายบริษัทนี้ให้กับคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (แม่ยาย) ซึ่งคุณหญิงกอแก้วได้ซื้อบริษัทนี้ไป และได้ชำระเงินค่าหุ้นโดยมีหลักฐานทางการเงินอย่างชัดเจน ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทน รวม 5 ฉบับได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560
ในขณะนั้น ณพได้ขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ ในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารเท่านั้น โดยท่านไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นใดๆ
“คลิปเสียงการพูดคุยที่นำมาเปิดวันนี้ เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล อยู่ในช่วงเดือนก.พ. 2561 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการทำเอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึงสองปี และมีเสียงคุณพ่อยอมรับว่าเซ็นเอกสารชัดเจน” ณพ กล่าว
ทั้งนี้ ในคลิป ดร.เกษม หรือคุณพ่อ ได้ระบุเองและรับรู้ชัดเจนว่าหุ้นที่อยู่ในมือท่านไม่ใช่ของท่าน และท่านไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น เบื่อที่จะเซ็นเอกสารจึงมีการโอนหุ้นคืนให้คุณหญิงก่อแก้ว เพื่อเปิดเผยชื่อเจ้าของเนื่องจากบริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์
“ฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือถึงเวลาเซ็นขายก็เซ็น เซ็นให้เซ็นไปเรื่อยๆ ฉันถึงบอกว่าตอนหลังบอกไม่เอาแล้วเว้ย ดึกๆ ดื่นๆ ฉันจะต้องนั่งเซ็นไอ้นี่ให้เขา เพราะฉะนั้นเอาคืนไปหมดดีกว่า” เสียงดร.เกษม ในคลิประบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สรุปคดีมหากาพย์ปลอมลายเซ็น ‘ศาลอาญา’ คืนความเป็นธรรมให้เกษม สั่งจำคุก 2 ปี คุณหญิงกอแก้ว-ณพ ณรงค์เดช
- บทสรุป 9 ปี คดีฟ้องร้อง ‘วินด์ เอนเนอร์ยี่’ ศาลอังกฤษสั่งชดใช้ 3 หมื่นล้านบาท จับตา! ตำนานบทใหม่ในมือตระกูลกิตติอิสรานนท์
- พลิกปมมหากาพย์ฟ้องร้องหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ ‘ณพ ณรงค์เดช’ แถลงโต้ ยันความบริสุทธิ์จากข้อกล่าวหา ‘โกงเจ้าหนี้’ และ ‘ปลอมลายเซ็น’
ณพโต้ข้อกล่าวหา ‘ปลอมแปลงเอกสาร’
ณพ ยืนยันอีกว่า ตนเองเป็นเจ้าของเดิม เข้าลงทุนด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2558 และคุณหญิงกอแก้วเป็นผู้รับซื้อหุ้น และเป็นเจ้าของต่อในปี 2559 โดยมีเส้นทางการเงินที่ชัดเจน มีการพิสูจน์ในศาลเรียบร้อย จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปลอมแปลงเอกสารเพื่อเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแพ่ง ศาลก็ระบุว่าโจทก์ (ฝั่งกฤษณ์ และกรณ์ ณรงค์เดช) ไม่สามารถแสดงหลักฐานการชำระค่าหุ้นที่ชัดเจนได้ และไม่น่าเชื่อว่าคุณเกษมจะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น หากคุณเกษมมีสิทธิ์ในหุ้นจริงก็สามารถจัดสรรหุ้นได้ตามความประสงค์
ณพ ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู เอาของๆ พ่อไปให้แม่ยาย เห็นครอบครัวคนอื่นดีกว่าตัวเอง ขอย้ำว่า เป็นผู้ซื้อธุรกิจนี้มา โดยมีการพิสูจน์ในศาลชัดเจน ว่าหุ้นเป็นการลงทุนของตนและคุณหญิง ยอมรับว่าคุณหญิงก่อแก้วได้เข้ามาช่วยเหลือตนในวันที่ลำบาก เพราะขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าธุรกิจวินด์ฯ จะดีหรือไม่ดี ทำให้ปัจจุบันตนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลคุณหญิงกอแก้วและลูกๆ
นอกจากนั้น ณพยังเปิดเผยคลิปแสดงหลักฐานชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมา ‘น้องดณ’ บุตรชายของตนพยายามเข้าไปพบ และดูแลคุณปู่ คือ เกษม แต่ถูกคนในบ้าน ไม่ให้พบมาโดยตลอด

เมื่อผู้สื่อข่าว ถามถึงกระบวนการยุติธรรม หลังศาลพิพากษาเมื่อล่าสุดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ว่า “จะสู้ต่อจนถึงที่สุด ซึ่งคดียังไม่มีการสิ้นสุดข้อสงสัย” ดังนั้น
ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติที่พบ 4 ประเด็น
- กรณีตำรวจที่รับผิดชอบคดีเอกสารว่าปลอมหรือไม่ปลอม พบว่า มีผู้กำกับจาก สน.ห้วยขวาง มารับแจ้งความที่บ้านคุณพ่อในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.ทองหล่อ และตั้งข้อสงสัยว่าปกติแล้วตำรวจมีบริการรับแจ้งความถึงบ้านหรือไม่
- การตรวจพิสูจน์หลักฐาน ผลการตรวจลายมือออกภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งนายณพตั้งคำถามว่ารวดเร็วผิดปกติหรือไม่ แม้แต่คดีสำคัญระดับชาติก็ใช้เวลาเป็นเดือน และ คณะกรรมการอีก 2 คน จนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
- ทางด้านอัยการและผู้พิพากษา นายณพได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2565 เกี่ยวกับการที่อัยการเข้าออกบ้านของพี่ชายตน และยังได้ร้องเรียนต่อ ก.ต. ในปี 2565 เรื่องอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านคู่ความและรองอธิบดีสั่งสำนวนที่ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงข่าวเรื่องเงินสินบน 100 ล้านบาท
- ในประเด็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายณพตั้งข้อสงสัยว่าทำไมศาลจึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ถึง 100% ทั้งที่โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของเพียง 49% และคำสั่งนี้ยังคงอยู่แม้โจทก์จะแพ้คดีทุกข้อหาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนั้น จึงต้องการความยุติธรรมและการเปิดเผยข้อมูล
“ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมยินดีเข้าร่วมการเสวนาทางวิชาการ หรือออกรายการโทรทัศน์ทุกรายการ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความจริง ทำไมผมกลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่ผมเป็นเจ้าของคุณหญิง(กอแก้ว) เป็นเจ้าของ” ณพ กล่าว
ณพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องเผชิญเรื่องราวมากมาย ทั้งไม่มีโอกาสได้พบกับบิดา และลูกของเขาเองก็ไม่ได้พบปู่ ทำให้เจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อมีคนกล่าวหาว่าเป็น ลูกอกตัญญู ซึ่งมีบางคน ใช้ประเด็นครอบครัวและสถานการณ์ สุขภาพของบิดาไปเป็น ‘เครื่องมือสร้างอำนาจต่อรอง’
ทั้งนี้ หลังจากนี้จะขอใช้สิทธิสู้ต่อคดีในศาลฎีกา ซึ่งหลักฐานที่นำมาเปิดเผยในวันนี้ได้ยื่นต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุดต่อไป


