×

ถ้าบ้านคือจุดเริ่มต้นของ Living Quality แห่งการเยียวยาจิตใจและจัดระเบียบชีวิต โดย ชาลิสา วีรวรรณ

06.11.2025
  • LOADING...
living-quality-chalisa

HIGHLIGHTS

  • Living Quality คือการตื่นรู้ในการใช้ชีวิตกับตัวเอง การยอมรับและซื่อสัตย์กับพลังงานของตัวเอง จากนั้นใช้บ้านเป็นเครื่องมือในการสะท้อนและเยียวยาจิตใจ เพื่อให้มีความสุขจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง
 

LIFE จะชวนคุณมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าบ้านที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง และการจัดระเบียบพื้นที่ คือทางออกของการดูแลใจล่ะ? ชีวิตแบบนี้มันจะดีแค่ไหนกันนะ?” โดยจะพาไปสำรวจมุมมองกับ ชาลิสา วีรวรรณ Wellness & Lifestyle Director และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเอง ผู้ที่ได้ค้นพบความหมายของ Living Quality ผ่านการเข้าใจว่าบ้านคือจิตใต้สำนึกที่เป็นรูปธรรม และใช้พื้นที่ภายนอกเป็นกระจกสะท้อนการดูแลตัวเองแบบองค์รวมได้อย่างลงตัว

 

การทำงานด้านจิตวิญญาณมาอย่างยาวนาน ทำให้เธอเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ภายนอกกับโลกภายในของเรา ปัจจุบันเธอช่วยให้ผู้คนได้กลับมารู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้คอนเนกต์กับตัวเองจากภายใน และได้ค้นพบความหมายของ Living Quality ที่แท้จริง ซึ่งไม่ใช่ความสะดวกสบายทางวัตถุ แต่คือคุณภาพของการตื่นรู้ในการใช้ชีวิตกับตัวเอง

 

การได้มีพื้นที่ที่เอื้อต่อการดูแลใจ เช่น การจัดบ้านให้ซื่อสัตย์กับพลังงานของตัวเอง, การใช้ลมและแสงธรรมชาติมาช่วยเยียวยา, หรือการปล่อยวางสิ่งของที่ไม่ตอบโจทย์กับชีวิตปัจจุบัน เหล่านี้คือช่วงเวลาที่เธอได้อนุญาตให้ผู้คนได้ ‘หายใจ’ และเติมเต็มพลังงานจากภายในอย่างแท้จริง

 

นิยามของบ้านเปรียบเสมือนจิตใต้สำนึกที่เป็นรูปธรรม

 

“งานที่นีทำตอนนี้คือช่วยให้คนได้กลับมารู้จักตัวเองมากขึ้นในทุกมิติ ผ่านกิจกรรมและศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสนุกๆที่ช่วยให้เข้าใจเส้นทางชีวิตตัวเองหรือลงลึกพาไปสำรวจจิตใจ มันคือการเดินทางภายในที่ทำให้ทุกคนได้เชื่อมโยงกับตัวเองมากขึ้น ความหมายของบ้านสำหรับนี บ้านเปรียบเสมือนจิตใต้สำนึกที่จับต้องได้ ทุกห้อง ทุกมุม มักจะสะท้อนภายในตัวเรา บ้านเป็นเหมือนภาชนะพลังงานที่โอบอุ้มการเปลี่ยนผ่านในทุกช่วงชีวิต ฉะนั้นหากเรามองว่าบ้านคือจิตใต้สำนึกที่เป็นรูปธรรม สิ่งที่เราเห็นภายในบ้านคือกระจกสะท้อนตัวเรา”

 

Living Quality ที่แท้จริง คือคุณภาพของการเป็นอยู่

 

 “Living Quality ไม่ได้หมายถึงเพียงความสะดวกสบายทางวัตถุ แต่มันคือคุณภาพของการตื่นรู้ต่อชีวิตของตัวเอง มันคือการอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และรู้เท่าทันความทุกข์ ความสุข ความไม่สมบูรณ์แบบและความเป็นมนุษย์ของตัวเอง หลายคนมักคิดว่า Living Quality คือการใช้ชีวิตให้ดูดี แต่ความจริง มันคือคุณภาพของการมี Quality of Being

 

ความผูกพันกับบ้านและความซื่อสัตย์ต่อพลังงานตัวเอง

 

“บ้านไม่จำเป็นต้องสวยที่สุด แต่ต้องซื่อสัตย์กับพลังงานของเจ้าของ ถ้าบ้านรก แต่เจ้าของโอเค เช่นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากๆ บ้านอาจดูสุดครีเอทีฟ และพลังงานก็สะท้อนตัวตนของเขา หากเราซื่อสัตย์กับตัวเอง บ้านเราอาจไม่ต้องมี ต้องใช่เหมือนบ้านคนอื่น แต่ก็สามารถสร้างความสุขได้

 

สังเกตบ้านผ่านประสาทสัมผัส เพื่อเข้าใจสุขภาพจิตตัวเอง

 

“บ้านสามารถสะท้อนสุขภาพจิตของเราได้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ความสว่าง เสียง กลิ่น หรือความรู้สึกโล่ง อึดอัด เราสามารถสังเกตสภาพแวดล้อม อะไรที่เปลี่ยนแปลงไปอาจสะท้อนบางสิ่งที่เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในตัวเรา บ้านจะไม่โกหกเรา แต่มันมีความเป็นไปได้ที่เรามักโกหกตัวเอง โต๊ะทำงานที่เริ่มรก ไม่เป็นระเบียบ อาจสะท้อนความเครียด พลังงานที่ค้างอยู่หรือความติดขัดบางอย่าง แต่ถ้ามันคือธรรมชาติของเรายิ่งรกยิ่งดี นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่หากเราเป็นคนชอบความเป็นระเบียบ แต่ช่วงนี้บ้านรกและเราปล่อยผ่าน มันอาจจะเป็นสัญญาณให้เราเข้ามาพิจารณาว่าชีวิตช่วงนี้เราสมดุลหรือไม่”

 

วิธีชาร์จพลังบวกให้บ้าน ด้วยลมและแสงธรรมชาติ

 

 “การชาร์จพลังบวกให้กับบ้านนั้นง่ายกว่าที่คิด เริ่มจากการทำความสะอาดอยู่เสมอ และให้บ้านมีพลังงานถ่ายเทด้วยพลังของลมและแสงธรรมชาติ แสงแดดไม่เพียงช่วยฆ่าเชื้อโรค แต่ยังมีพลังเยียวยาและบำบัด หรือลองนำเอาธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ตามพลังของธาตุทั้งสี่ เช่น ต้นไม้ วางในจุดที่เรารู้สึกอยากให้มีพลังงานไหลเวียนที่ดี หรือการจุดพวกเทียนหอมและกำยาน เพราะกลิ่นเป็นสิ่งสำคัญกับสภาพแวดล้อม พลังงานในบ้านสามารถเปลี่ยนได้ทันที”

 

มุมโปรดในบ้าน และห้อง Living Room ที่เป็นหัวใจของบ้าน

 

“ถ้าเปรียบบ้านเป็นร่างกาย ห้องนั่งเล่นคือหัวใจของบ้าน เพราะเกี่ยวข้องกับพลังงานของความรัก เป็นพื้นที่เชื่อมโยง เปิดใจ และสร้างสัมพันธ์ แต่ละมุมในบ้านก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน เช่น ห้องเสื้อผ้าให้ความสวยงาม ห้องพระให้ความสงบ พื้นที่เหล่านี้สะท้อนตัวเราในแต่ละมิติและเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เล็กๆของแต่ละคน

 

การปล่อยวางสิ่งของ คือการปล่อยวางทางอารมณ์

 

“เวลาจะโละของในบ้าน เราควรถามตัวเอง ณ ปัจจุบันว่าสิ่งนั้นยังจำเป็นสำหรับเราหรือไม่ เช่น เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานาน ลองถามตัวเองว่า ‘ฉันยังต้องการสิ่งนี้อยู่ไหม’ ถ้ามันไม่ตอบโจทย์ตัวตนในปัจจุบัน การปล่อยวางสิ่งนั้นจะทำให้เรารู้สึกเบาขึ้น ก่อนทิ้งสิ่งของ เราสามารถขอบคุณของต่างๆที่อยู่กับเรามา สิ่งที่อยู่มานานแต่ ‘outgrown’ กับพลังงานเรา เป็นเหมือนการปิดวงจรพลังงานอย่างสมบูรณ์ การปล่อยวางสิ่งของจึงไม่ใช่แค่เรื่องวัตถุ แต่เป็นการปล่อยวางทางอารมณ์ของตัวเราเองด้วย”

 

Living Quality ในแบบของความซื่อสัตย์กับตัวเอง

 

“คำว่าบ้านไม่ได้หมายถึงเพียงบ้านที่เป็นรูปธรรม บ้านที่แท้จริงคือบ้านที่อยู่ในใจของเรา ตัวเราเองคือบ้านที่สำคัญที่สุด บ้านที่แท้จริงไม่เกี่ยวกับตัวอาคาร แต่คือความรู้สึกสงบ ปลอดภัยในตัวเราเอง

 

เมื่อเรามีความสุขกับ ‘บ้านภายใน’ ไม่ว่าบ้านภายนอกจะเป็นอย่างไร เราก็สามารถต้อนรับคนอื่นด้วยความมั่นใจและความอบอุ่น บ้านที่เป็นหลังเป็น Foundation และ Root ที่สำคัญ แต่หากเราไม่ปลอดภัยกับตัวเอง ไม่ว่าบ้านจะสวยหรือเราจะร่ำรวยแค่ไหนก็ไม่สามารถสร้างความสุขแท้จริงได้”

 

แนวทางสู่ Living Quality ที่แท้จริง

 

“ข้อแรกคือรู้จักตัวเอง ข้อสองคือยอมรับทุกสิ่งในตัวเรา ทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อสามคือซื่อสัตย์กับตัวเอง เมื่อเข้าใจบ้านในมิติแบบนี้ ใจเราจะเปิดกว้างขึ้น สามารถต้อนรับพลังงานดีๆ เข้ามา บ้านทั้งภายนอกและภายในจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสมดุลอย่างแท้จริง”

 

จากบทสนทนาที่มีประโยชน์เหล่านี้น่าจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจแล้วว่าการมีพื้นที่ที่ช่วยส่งเสริมการค้นหาความสุขในแบบของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นมุมสงบๆ สำหรับการสะท้อนตัวเอง หรือพื้นที่สำหรับชาร์จพลังด้วยแสงธรรมชาติสามารถปรับพลังงานและสร้างพลังงานๆ ดี ให้กับบ้านของเราได้ ลองสร้าง Living Quality ในแบบของคุณเอง ด้วยการทำให้บ้านซื่อสัตย์กับพลังงานของคุณ แล้วมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้คุณได้ปล่อยวางและมีความสุขกับชีวิตดีๆ ในแบบที่คุณเลือกเอง

 

ชาลิสา_วีรวรรณ ชาลิสา_วีรวรรณ ชาลิสา_วีรวรรณ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising