หากเป็นเมื่อก่อน การเลือกซื้อบ้านสักหลัง ปัจจัยหลักที่เราใช้ตัดสินใจคงหนีไม่พ้นเรื่องทำเล ราคาที่เหมาะสม หรือดีไซน์ที่สวยงามถูกใจ แต่ในวันนี้ที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หรือความกังวลเรื่องสุขภาพ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเราไปโดยสิ้นเชิง และกำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของการเลือกที่อยู่อาศัย คำถามสำคัญจึงไม่ได้มีแค่ว่า “บ้านนี้อยู่ที่ไหน” หรือ “สวยหรือเปล่า” แต่คือคำถามที่ลึกซึ้งกว่านั้นว่า “บ้านหลังนี้จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีได้อย่างไร” และ “การอยู่อาศัยของเราจะยั่งยืนแค่ไหน” นี่คือโจทย์ใหม่ที่แสนสิริให้ความสำคัญและคิดมาอย่างรอบด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของการใช้ชีวิต
ด้วยเหตุนี้แสนสิริไม่ได้มองการพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นแค่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยึดมั่นในสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับในทุกวัน ‘EVERY DAY… LIFE IS GOOD’ ที่เชื่อว่าภารกิจของพวกเขาไม่ใช่แค่การสร้างบ้าน แต่คือการสร้างชีวิตที่ดีมีคุณภาพให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แสนสิริ ในฐานะ Design Leader ตลอดกว่า 40 ปี เดินหน้ายกระดับพันธกิจสีเขียวครั้งสำคัญสู่ ‘Sansiri Sustainable Design’ ซึ่งเป็นเสมือนคู่มือฉบับย่อที่นำทางเราไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ที่ไม่ได้ดีแค่กับเรา แต่ยังดีกับโลกใบนี้ด้วย
เมื่อบ้านไม่ได้เป็นแค่ที่พักพิง
แนวคิด Sansiri Sustainable Design ไม่ได้เกิดขึ้นจากจินตนาการ แต่มาจากการถอดรหัสความสำเร็จและต่อยอดองค์ความรู้จาก ‘Sansiri Sustainable Home Prototype 1’ ซึ่งเป็นบ้านต้นแบบนวัตกรรมยั่งยืนแห่งแรกของไทย
โดยนำนวัตกรรมที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว มาขยายผลสู่โครงการใหม่กว่า 25 โครงการทั่วประเทศ ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ตั้งแต่แบรนด์เศรษฐสิริ, เดอะ เบส, ดีคอนโด ไปจนถึงโครงการใหม่อย่าง วาลเลส เฮาส์ และ ไวด์เด็น บาย แสนสิริ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้แคมเปญ ‘Sustainable Happiness: สร้างสุขที่ยั่งยืน’ ที่ต้องการให้ผู้คนได้สัมผัสถึงนิยามใหม่ของการอยู่อาศัย ที่การ ‘ใช้ชีวิต’ ในบ้านจะทำให้เราแข็งแรง มีความสุข และยังได้ดูแลโลกไปพร้อมกัน
โดยมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอดรับอย่างยิ่งกับนโยบายรัฐบาลที่ได้ปรับเป้าหมายของประเทศให้เร็วขึ้นมาเป็นปี 2050 เช่นกัน
ถอดรหัส 4 แกนหลักของการสร้างสุขที่ยั่งยืน
หัวใจสำคัญของ Sansiri Sustainable Design คือการออกแบบที่ผสานนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ผ่าน 4 แกนหลักที่จับต้องได้และเห็นผลจริง ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการเลือกที่อยู่อาศัยในอนาคต ได้แก่
Cooliving Design บ้านอยู่เย็นสู้โลกร้อน คือแกนแรกที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนของเมืองไทยโดยเฉพาะ โดยไม่ได้พึ่งพาแค่เครื่องปรับอากาศ แต่เริ่มต้นตั้งแต่การวางผังโครงการที่คำนึงถึงทิศทางลมและแดด เพื่อให้บ้านเย็นสบายและมีอากาศถ่ายเทสะดวกตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้กระจกเขียวตัดแสงชนิดพิเศษ ที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้สูงถึง 93% และรังสีอินฟราเรดได้ถึง 97% ทำให้แม้แสงธรรมชาติจะส่องเข้ามาสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น แต่ความร้อนจะถูกสกัดไว้ภายนอก

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวอย่างเศรษฐสิริ ยังมีการออกแบบชายคาให้ยื่นยาวออกมาเพื่อสร้างร่มเงา และใช้ฉนวนกันความร้อนใต้ฝ้าเพดานเพื่อลดอุณหภูมิจากหลังคาโดยตรง ทั้งหมดนี้คือการออกแบบที่คิดมาอย่างละเอียด เพื่อให้บ้านเย็นสบายและลดการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศให้ได้มากที่สุด
Resource Efficiency ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรสูงสุด คือการเลือกใช้นวัตกรรมเพื่อลดการใช้พลังงานและทรัพยากรให้ได้มากที่สุด ตั้งแต่การเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ
ไฮไลต์สำคัญคือการนำพลังงานสะอาดจากแผงโซลาร์เซลล์มาใช้ โดยเฉพาะในส่วนของคลับเฮาส์ ซึ่งในช่วงเวลา 11:00 น. ถึง 16:00 น. ที่มีแสงแดดจัด พลังงานที่ผลิตได้จะช่วยลดค่าไฟส่วนกลางจนเกือบเป็นศูนย์ การลดใช้พลังงานเหล่านี้ไม่เพียงดีต่อโลก แต่ยังช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย

Green Materials ใช้วัสดุรักษ์โลก ลดคาร์บอน คือความใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำของกระบวนการก่อสร้าง แสนสิริเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีกระบวนการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ พร้อมนำระบบการก่อสร้างด้วย Precast จากโรงงานของแสนสิริเอง มาใช้เพื่อลดขยะในพื้นที่ก่อสร้าง

นอกจากนี้ยังนำแนวคิด Upcycling มาปรับใช้อย่างสร้างสรรค์ โดยนำเศษวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้าง เช่น เศษหินอ่อน มาออกแบบเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ใหม่ๆ อย่างจานรองแก้วหรือที่คั่นหนังสือ เพื่อลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด
Health and Well-being Design ออกแบบเพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดี คือแกนที่สำคัญที่สุด เพราะเราใช้เวลาในบ้านถึง 70% ของชีวิต แสนสิริจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศเป็นอันดับแรก ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมบ้านและคอนโดปลอดฝุ่น ด้วยระบบกรองถึง 6 ชั้น
สามารถกรองฝุ่น pm 2.5 และฝุ่นที่ละเอียดได้ถึงระดับ PM 0.1 และฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV เพื่อป้องกันเชื้อโรค พร้อมระบบแรงดันบวกที่ช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในบ้านอยู่เสมอ เพิ่มอ็อกซิเจน และผลักคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ออกไปสู่ภายนอกทำให้ผู้อยู่สดชื่น แข็งแรง ในทุกวันซึ่งสามารถเห็นการวัดค่าต่างๆ ได้จากหน้าจอที่ติดตั้งอยู่ในห้อง

นอกจากอากาศบริสุทธิ์แล้ว ยังมีการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณสมบัติ Zero-VOCs หรือปลอดสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พร้อมส่งเสริมคอมมูนิตี้ที่ยั่งยืนด้วยพื้นที่สีเขียวที่มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดถึง 3.5 เท่าในบางโครงการ และมีพื้นที่ Sansiri Backyard ให้ลูกบ้านได้ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษไว้รับประทาน

จากบ้านต้นแบบสู่มาตรฐานใหม่
แสนสิริยังคำนึงถึงการออกแบบเพื่อทุกคนในครอบครัว (Universal Design) ตั้งแต่การใช้พื้นที่ลดแรงกระแทกเพื่อช่วยถนอมข้อเข่า ไปจนถึงการออกแบบห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุที่รถเข็นสามารถเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกในโครงการเศรษฐสิริ และการมีโซนสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในคอนโด Pet-welcome อย่าง ไวด์เด็น บาย แสนสิริ รวมถึงโครงการใหม่อย่าง วาลเลส เฮาส์ ด้วย

การขยายผลแนวคิด Sansiri Sustainable Design สู่ 25 โครงการใหม่ทั่วประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นการ ‘คิดใหญ่ ทำจริง และทำอย่างต่อเนื่อง’ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ได้เป็นแค่แนวคิด ทว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้และเริ่มต้นได้จากบ้านของเราทุกคน
นี่คือก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และคือคำมั่นสัญญาในการสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับลูกบ้านและโลกใบนี้ไปพร้อมกัน โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://siri.ly/demOAF9


