×

กมธ. ความมั่นคงฯ จ่อยื่นหนังสือถึง ปปง. สอบบุคคลเอี่ยวอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมประสานสหรัฐฯ ขอข้อมูล

โดย THE STANDARD TEAM
30.10.2025
  • LOADING...
กมธ. ความมั่นคงฯ จ่อยื่นหนังสือถึง ปปง. สอบบุคคลเอี่ยวอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมประสาน สหรัฐฯ ขอข้อมูล

วันนี้ (30 ตุลาคม) ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐฯ แถลงผลการประชุม กมธ. กรณีพิจารณาศึกษาและติดตามปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย กรณีของ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

 

ชุติพงศ์กล่าวว่า กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงหลายฝ่าย อาทิ ตัวแทนนายกรัฐมนตรี (วิฑูรย์ สิรินกุล), ตัวแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) (กมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย), เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), ตัวแทนธนาคารกสิกรไทย (วรวุฒิ เวสารัชกิจ) และษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม

 

กมธ. ยังได้เชิญ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และวรภัค ธันยาวงษ์ แต่ทั้ง 3 คน ไม่ได้มา ขณะเดียวกัน กมธ. ได้สอบถามตัวแทนคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่นายกฯ เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ว่าได้เรียก ร.อ. ธรรมนัส, นฤมล และวรภัค มาให้ข้อมูลแล้วหรือไม่ ว่าเกี่ยวข้องกับ เบน สมิธ อย่างไร รวมถึงนายกฯ ได้สั่งการอะไรหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการในส่วนนี้

 

ขณะที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ชี้แจงเรื่องการตั้งศูนย์วอร์รูมช่วยเหลือผู้เสียหาย กมธ. ได้ซักถามถึงสถิติการอายัดบัญชีที่ถูกฉ้อโกง ซึ่งลดลงจาก 3% เหลือ 1% โดยได้รับคำตอบว่า กระบวนการยังมีการติดขัดอยู่แต่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่

 

ด้าน ปปง. ระบุว่า การดำเนินการต้องมีความผิดมูลฐานก่อน และยอมรับว่าอาจมีข้อจำกัดบางประการในส่วนของกฎกระทรวง เมื่อ กมธ. สอบถามว่าได้สืบเส้นเงินไปยังบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ปปง. ชี้แจงว่า ยังไม่มีความชัดเจนแต่ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความนิ่งเฉย

 

ส่วน ก.ล.ต. ระบุว่าได้ประสานงานกับ ธปท. และ ปปง. เพื่อป้องกันและปราบปราม โดยได้ระงับบัญชีไปแล้ว 30,000 บัญชี อายัดทรัพย์สิน 200 ล้านบาท และกำลังดำเนินการออกกฎหมาย Travel Rules เพื่อติดตามความโปร่งใส

 

ด้านธนาคารกสิกรไทย ยืนยันว่ามีนโยบายป้องกันการฟอกเงินเข้มงวด ธนาคารไม่ได้เป็นคู่ค้ากับ เบน สมิธ และปัจจุบันไม่ได้เป็นคู่ค้ากับ BIC แล้ว โดยได้ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดำเนินการ ก่อนที่สภาคองเกรสจะประกาศมาตรการคว่ำบาตร (Sanction) โดย กมธ. ได้ขอเอกสารการขึ้นเพลย์ลิสต์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BIC และ Transaction ที่เป็นปัญหา เพื่อตรวจสอบต่อไป

 

ชุติพงศ์กล่าวต่อว่า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ชี้แจงว่า เบน สมิธ ได้ยื่นคำขอสัญชาติไทย แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติและพบว่า การเสียภาษีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จึงส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาต่อไป

 

สำหรับข้อเสนอแนะของ กมธ. จะยื่นหนังสือและเอกสารไปยัง ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติว่ามีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเชิญ ษัษฐรัมย์ กรรมการประกันสังคม ว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ชุติพงศ์กล่าวว่า เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในกัมพูชา ซึ่ง ษัษฐรัมย์ได้ตั้งข้อสงสัยว่า การซื้อหุ้นครั้งใหญ่นี้ ไม่มีการแจ้งต่อคณะอนุกรรมการประกันสังคมว่าต้นทางการซื้อหุ้นเป็นใคร

 

ส่วนจะเชิญ นักการเมือง ช. เข้ามาชี้แจงหรือไม่ ชุติพงศ์กล่าวว่า ต้องพูดคุยใน กมธ. อีกครั้ง เราต้องให้ความกระจ่างกับสังคม และควรให้นักการเมืองมีโอกาสชี้แจงตัวเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

 

ส่วนกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า นักการเมือง ช. เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ ไม่ใช่สแกมเมอร์ ชุติพงศ์กล่าวว่า พื้นที่ในกัมพูชาเริ่มจากคาสิโน ภายหลังมีการแปรสภาพเป็นสแกมเมอร์และพนันออนไลน์ คนที่อยู่ในเครือข่ายเหล่านี้ พูดตรงๆ ว่าเราสามารถตั้งข้อสงสัยได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องทางตรงหรือทางอ้อม และถือเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะตอบต่อสังคมอย่างไร ทางที่ดีควรมีพื้นที่ชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์

 

ชุติพงศ์ยังกล่าวถึงการขอข้อมูลจากสหรัฐฯ ว่า กมธ. สามารถเชิญสถานทูตสหรัฐฯ มาชี้แจงได้ เพราะทั่วโลกกำลังมองว่าไทยเป็นฐานสแกมเมอร์ ซึ่งมีมูลค่าเศรษฐกิจ (ผิดกฎหมาย) ถึง 60% ของจีดีพีจากเรื่องนี้ และเงินเหล่านี้มาจากผู้บริสุทธิ์

 

และขอถามกลับไปยังนายกฯ ที่ปรากฏภาพว่าไปเจอกับโดนัล ทรัมป์ ว่าได้มีการพูดคุยเรื่องเหล่านี้หรือไม่ พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ มีการคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ซึ่งคนเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในไทย ท่านนายกฯ จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังมากกว่าการตั้งคณะกรรมการที่ไม่ได้มีอำนาจพิเศษ และไม่ดำเนินการในจุดที่ใกล้ที่สุด คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

 

“ไม่ได้มีความพยายามสร้างความกระจ่างหรือคลายความสงสัยของประชาชนเลย หรือว่านายกฯ เกรงใจใคร จึงไม่ดำเนินการ และจะเดินช้าอยู่เช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน ทั้งนี้ ทาง กมธ. ยืนยันว่าในส่วนที่เราสามารถทำได้ ในการร่วมมือกับโลกปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ เราจะทำทุกวิถีทางและประสานทุกหน่วยงานเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้” ชุติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising