THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานเทศกาลกินเจ จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2568 ซึ่งปีนี้ ถือเป็นการฉลองครบรอบ 200 ปี ภายใต้แนวคิด ‘2 ศตวรรษแห่งศรัทธา เจี๊ยะฉ่ายภูเก็ต’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-29 ตุลาคม 2568 ที่ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต พร้อมสัมภาษณ์ ‘วิเศษ วิศิษฏ์วิญญู’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ถึง บรรยากาศภาพรวมตลาดอาหารเจ-วีแกนในปี 2568
วิเศษ ฉายภาพว่า ตลาดอาหารเจและวีแกนในประเทศไทยปี 2568 มีมูลค่าสูงถึง 48,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในช่วง 10 วัน ของเทศกาลกินเจ กลุ่มอาหารเจในเครือซีพีแรมเติบโตสูงถึง 10% เนื่องจากบริษัทได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มเจมากกว่า 50 รายการ ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปี กลุ่มอาหารเจของซีพีแรมจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20%
แต่หากมองในเชิงพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า พฤติกรรมของการกินเจ เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างมีนัยสำคัญ เดิมทีคนส่วนใหญ่จะถือศีลกินเจเพียง 10 วันตามปฏิทินจีน แต่ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มขยายระยะเวลาการกินเจนานขึ้น และบางกลุ่มยังเลือกกินเจเป็นประจำในบางวันของสัปดาห์ หรือกินตามวันเกิดของตัวเอง ส่งผลให้อาหารเจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กะเพรากล่องขายดีสุด! ‘ซีพีแรม’ เผยไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ดันให้ตลาดอาหารพร้อมรับประทานในภาคอีสานโตแรง
- ‘ซีพีแรม’ ผู้ผลิตข้าวกล่องป้อน 7-Eleven จ่อเปิดตัว ‘อาหารสุขภาพ’ ราคา 59-79 บาท จับตลาดสูงวัยที่มีกำลังซื้อสูง
- เยาวราชคึกคัก ประชาชนแห่ซื้อวัตถุดิบเจ ผู้ค้าเชื่อกำลังซื้อไม่ตกราคาของส่วนมากคงที่
และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัด คือ อายุเฉลี่ยของผู้บริโภคอาหารเจลดลงโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยคนกลุ่มนี้ไม่ได้มองการกินเจเพียงแค่การถือศีลหรือทำบุญ แต่ยังมองไปในมิติของการสร้างความยั่งยืนและรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะการบริโภคอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์สามารถช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้
นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหารเองก็เริ่มปรับตัวรับกระแสอาหารเจและวีแกนมากขึ้น ทั้งร้านอาหารไทยทั่วไปและเชนฟาสต์ฟู้ดชื่อดังหลายราย ได้เพิ่มเมนูอาหารเจและวีแกนเข้ามาเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอาหารกลุ่มนี้กำลังขยายฐานผู้บริโภคได้กว้างขึ้น และกลายเป็นเซกเมนต์สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของไทยไปแล้ว
“แต่แม้ภาพรวมตลาดจะเติบโตดี แต่ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบ แรงงาน และค่าไฟที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และผู้บริโภคมีกำลังซื้อจำกัด ทำให้การปรับขึ้นราคาสินค้าทำได้ยาก ซีพีแรมจึงเลือกใช้กลยุทธ์ออกสินค้าใหม่ที่มีราคาสูงขึ้นบางรายการ แทนการปรับขึ้นราคาสินค้าเดิม เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค และแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ยอดขายของซีพีแรมยังคงเติบโตได้ดี”
โดยปัจจุบันยอดขายรวมเพิ่มขึ้นราว 10% จากปีก่อน คาดว่าตลอดปี 2568 บริษัทจะมียอดขายรวมประมาณ 34,500 ล้านบาท โดยเมนูขายดี ยังคงเป็นอาหารจานเดียว เช่น ข้าวกะเพรา ข้าวผัด รวมถึงกลุ่มอาหารเส้นอย่างผัดซีอิ๊วและราดหน้า ซึ่งในช่วงเทศกาลกินเจ เมนูกะเพราเจ ก็กลายเป็นสินค้าขายดีเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ธุรกิจในส่วนของการค้าชายแดน ยังคงเผชิญปัญหาการชะลอตัว หลังจากมีปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวและการทำธุรกิจระหว่างประเทศลดลง ส่งผลให้ยอดขายในพื้นที่จังหวัดชายแดนหดตัวตามไปด้วย และตั้งแต่ปิดด่าน ก็ไม่สามารถส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อในกัมพูชาได้ ซึ่งทำให้รายได้จากตลาดกัมพูชาต้องชะลอลงชั่วคราว
ส่วนตลาดอาหารพร้อมทานและเบเกอรี่ในจังหวัดอื่นๆยังโตได้ดี แต่ไลน์ผลิตสินค้าทั้งเบเกอรี่และอาหารพร้อมรับประทาน ที่มีอยู่ 7 แห่ง รวมแล้ว 15 โรงงาน ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ขอนแก่น ลำพูน สุราษฎร์ธานี และปทุมธานี ผลิตใกล้เต็มแล้ว ทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานการผลิตเพิ่มอีก 1 แห่ง ในจังหวัดนครราชสีมา โดยจะเปิดทำการผลิตได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้น และจะสามารถรองรับความต้องการผู้บริโภคและตลาดเบเกอรี่ในไทยที่กำลังเติบโตในอนาคต
เมื่อมาดูบรรยากาศงานเทศกาลถือศีลกินผัก ในจังหวัดภูเก็ต มีขบวนแห่ และพิธีกรรมแห่งความศรัทธาจากศาลเจ้าในภูเก็ต 39 แห่งที่หาชมได้เพียงปีละครั้ง และจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ) คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะมีทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมประมาณ 198,239 คน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของที่พักในจังหวัดภูเก็ตคาดว่าจะอยู่ที่ 81% เพิ่มขึ้น 4% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 2,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% และโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจเพิ่มขึ้นทั้งในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง


