ธปท. เร่งผลักดัน AMC เข้ามาแก้หนี้ครัวเรือนไทบ โดยเตรียมออกประกาศจัดตั้ง JV AMC รอบใหม่ พร้อมผนึกคลัง-สมาคมแบงก์ เตรียมโอนหนี้รายย่อย (ต่ำกว่า 1 แสนบาท) 1.5 – 2 ล้านบัญชี ให้ AMC ช่วยปรับโครงสร้างหนี้
วันนี้ (28 ตุลาคม) วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน BAM SYMPOSIUM 2025 ครั้งที่ 1 โดยระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2568 นี้อาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีนัก โดยสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจ่อชะลอตัว เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีที่ขยายตัวไปแล้วราว 3% ขณะที่ GDP ของปีหน้า ก็คาดว่าจะเติบโตลดลงเหลือประมาณ 1.6% โดยส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตสูงในช่วงต้นปีนี้
วิทัยกล่าวต่อว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็น สังคมสูงวัย (Aging Society) ความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาด้านธรรมาภิบาล ปัญหาเรื่องการศึกษา และปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นต้น
“เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ถ้าเราไม่สามารถก้าวข้ามหรือแก้ปัญหานี้ได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนก็จะมีปัญหาลำบาก” วิทัยกล่าว
ธปท. ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นพิเศษ โดยระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยที่ลดลงเหลือ 87% ของ GDP ถือว่า ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประเทศโดยรวม ทำให้กำลังซื้อไม่แข็งแรง จนทำให้การลงทุนเพิ่มก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิกฤตที่ต่อเนื่องกัน
วิทัย ยังกล่าวถึง หนี้ที่น่ากังวล ทั้ง NPL (ซึ่งผิดนัดชำระนานกว่า 90 วัน) และ SML (ที่ค้างชำระเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน) ว่ามีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ประมาณ 11-12% ของหนี้ทั้งหมด โดยแบ่งเป็น NPL ที่มีสัดส่วนสูงกว่า 3% และ SML ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 8-9%
“หนี้ที่มีปัญหาประมาณ 11-12% นี้เป็นปัญหาที่สำคัญมาก เนื่องจากปัญหาหนี้เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องการกดดันการบริโภคเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และความอยู่รอดของธุรกิจ SME” วิทัยกล่าว
แบงก์ชาติอยากเห็น AMC มีบทบาทแก้ปัญหาหนี้เสียมากขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย วิทัย จึงต้องการเห็น AMC มีบทบาทที่มากขึ้น เนื่องจาก AMC ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้เชิงโครงสร้างได้
วิทัย ยังอธิบายหน้าที่และบทบาทของ AMC คือการดูดซับหนี้เสีย (NPL) ผ่านการซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน แล้วค่อยนำหนี้ดังกล่าวมาปรับโครงสร้าง ผ่านการเสนอเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้น เช่น ลดดอกเบี้ย ไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม ไปจนถึงการผ่อนปรนการชำระ
“ดังนั้น AMC จะช่วยทำให้หนี้เสียกลับกลายเป็นหนี้ดีได้เร็วขึ้น และช่วยลดกระบวนการฟ้องร้องทางสังคม” วิทัยกล่าว
ธปท. ยังกล่าวว่า ในภาพรวมปัจจุบัน ไทยมี AMC ประมาณ 90 แห่ง แต่มีเพียงประมาณครึ่งหนึ่ง หรือ 45 แห่งเท่านั้น ที่ดำเนินธุรกิจและมีการดูดซับสินทรัพย์อย่างแท้จริง ขณะที่อัตราดูดซับ NPL ของ AMC ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น จากที่เคยอยู่สูงสุดถึง 20%
“ดังนั้น จึงอยากเห็นจำนวน AMC ที่ Active มากกว่า 45 แห่ง และต้องการให้พอร์ตการซื้อหนี้กลับไปอยู่ที่ 20-25% ของ NPL ทั้งหมด” วิทัยกล่าว
แบงก์ชาติหนุนตั้ง JV AMC รอบใหม่
ธปท. วิทัย เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมแก้ไขประกาศ JV AMC หรือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ร่วมทุนฯ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากประกาศเดิมได้หมดอายุไปตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา โดยการแก้ไขครั้งนี้จะมีหลักการคล้ายกับประกาศเดิมคือ จะอนุญาตให้ AMC ปัจจุบันสามารถร่วมลงทุนกับสถาบันการเงินได้ เพื่อให้เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่ และขยายการช่วยเหลือประชาชน
พร้อมทั้งคาดว่า การแก้ประกาศนี้จะทำให้มีการจัดตั้ง JV AMC เพิ่มขึ้นแน่นอน เพื่อเพิ่มการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจ SME ที่มีปัญหาได้มากขึ้น
นอกจากนี้ วิทัยยังหวังให้ AMC เข้าร่วมฐานข้อมูลกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NBC) หรือเครดิตบูโร โดยระบุว่า หาก AMC ทั้งหมดเข้าร่วมจะทำให้ฐานข้อมูลชัดเจนขึ้น นอกจากนี้เมื่อแก้ไขหนี้สำเร็จ ผู้เป็นหนี้ก็สามารถกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญได้ต่อไป
เร่งใช้ AMC แก้หนี้ประชาชนต่ำ 1 แสนบาท
วิทัยยังเปิดเผยอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง และสมาคมธนาคารไทย ผลักดันเรื่องโครงการแก้ไขหนี้ประชาชน โดยจะมีการโอนหนี้ของประชาชนรายย่อยที่ต่ำกว่า 100,000 บาท ให้ AMC ที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยคาดว่า ได้ข้อสรุปโครงการนี้ทั้งหมด ภายใน 3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยเบื้องต้น ตั้งเป้าแก้หนี้ประชาชนประมาณ 1 5 – 2 ล้านบัญชี แบ่งเป็น
- ลูกหนี้ NPL กลุ่มธนาคารพาณิชย์: ประมาณ 700,000 ราย
- ลูกหนี้ NPL กลุ่ม Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์: ประมาณ 800,000 ราย
- ลูกหนี้ NPL กลุ่มแบงก์รัฐ: ประมาณ 400,000 – 500,000 ราย
โดยหนี้ส่วนใหญ่ (กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่ม Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์) จะถูกโอนไปที่บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ SAM ซึ่งจะถูกเปลี่ยนให้เป็น AMC เชิงสังคม (Social AMC) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ขณะที่หนี้จากกลุ่มแบงก์รัฐ จะโอนไปให้ ARI-AMC ซึ่งบริษัทร่วมทุนของธนาคารออมสินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM
นอกจากนี้ วิทัยยังขอความร่วมมือจาก BAM ซึ่งเป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 45% ให้มีบทบาทมากขึ้น เพื่อเป็น AMC ที่ช่วยคนและตอบสนองต่อผู้ถือหุ้นด้วย
