โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศข่าวดี หลังอิสราเอล-ฮามาส ลงนามในแผนสันติภาพของทรัมป์ในเฟสแรกแล้ว ซึ่งจะช่วยปูทางไปสู่การปล่อยตัวประกันทั้งหมดในเร็วๆ นี้ และอิสราเอลจะถอนกำลังทหารกลับไปยังแนวเส้นที่ตกลงกันไว้ โดยทรัมป์ถือว่านี่คือ ‘ก้าวแรกสู่สันติภาพที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และถาวร ทุกฝ่ายจะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม’
ทรัมป์ยังระบุว่า นี่คือวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับโลกอาหรับและมุสลิม อิสราเอล ประเทศโดยรอบทั้งหมด และสหรัฐอเมริกา โดยทรัมป์ยังได้กล่าวขอบคุณผู้ไกล่เกลี่ยจากกาตาร์ อียิปต์ และตุรกี ที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อให้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์และไม่เคยมีมาก่อนได้เกิดขึ้น พร้อมขอพรอันประเสริฐจงอยู่กับผู้สร้างสันติ หลังทีมเจรจาไกล่เกลี่ยกลับมาหารือกันนานถึง 3 วันที่เมืองชาร์ม เอล-ชีค ประเทศอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เรียกข้อตกลงนี้ว่า ‘วันยิ่งใหญ่ของอิสราเอล’ โดยการหยุดยิงจะเริ่มมีผลทันทีหลังจากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอิสราเอลในวันนี้ (9 ตุลาคม) เวลาประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ทางด้านกลุ่มฮามาสได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ฮามาสได้บรรลุข้อตกลงที่กำหนดให้ยุติสงครามในกาซา การถอนทหารออกจากพื้นที่ การส่งความช่วยเหลือ และการแลกเปลี่ยนนักโทษ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทรัมป์ ประเทศผู้รับประกัน ฝ่ายอาหรับ-อิสลาม และนานาชาติทุกฝ่าย บังคับรัฐบาลฝ่ายยึดครองให้ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงหรือล่าช้าในการดำเนินการตามที่ตกลงกันไว้
ฮามาสยังเน้นย้ำในแถลงการณ์อีกว่า การเสียสละของพี่น้องประชาชนจะไม่สูญเปล่า และฮามาสจะจงรักภักดีต่อคำมั่นสัญญาของชาวปาเลสไตน์ และจะไม่ทอดทิ้งสิทธิของประชาชนชาติเราในการบรรลุเสรีภาพ อิสรภาพ และการกำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง
โดยนานาชาติกำลังทยอยแสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งสำคัญ จากความพยายามผลักดันสันติภาพในครั้งนี้ เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาสระลอกใหญ่ที่ดำเนินมาครบ 2 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของ BBC รายงานว่า ขณะนี้กลุ่มฮามาสยังไม่ได้รับรายชื่อนักโทษที่จะถูกปล่อยตัวเป็นการแลกเปลี่ยนจากอิสราเอลแต่อย่างใด ทั้งยังระบุว่า แม้จะมีความหวังว่า การลงนามในแผนสันติภาพเฟสแรกนี้อาจนำไปสู่การยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีรายละเอียดสำคัญที่ต้องหารือกันเพิ่มเติมอีกในอนาคต
ภาพ: Ronen Zvulun / Reuters
อ้างอิง: