วันนี้ (4 ตุลาคม) กรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ เวลา 06.00 น. พบว่าปริมาณน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่อยู่นอกคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบ
สถานการณ์น้ำในพื้นที่สำคัญ
- สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์: ปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,805 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) โดยมีระดับน้ำสูงกว่าเมื่อวาน และอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง 1.19 เมตร โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท: มีการระบายน้ำอยู่ที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.94 เมตร ซึ่งเหลือเพียง 4 เซนติเมตรจะถึงระดับตลิ่ง โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน
การบริหารจัดการน้ำและพื้นที่แจ้งเตือน
กรมชลประทานได้เน้นการบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาด้วยการ หน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมกับรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งตามศักยภาพของคลองอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านล่างให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ มีการแจ้งเตือนประชาชนใน พื้นที่นอกคันกั้นน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อน ที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายจังหวัด ได้แก่:
- จังหวัดอ่างทอง: คลองโผงเผง, วัดไชโย, และอำเภอป่าโมก
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา: คลองบางบาล (ต.หัวเวียง อ.เสนา), ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ (พื้นที่ติดกับแม่น้ำน้อย)
- จังหวัดสิงห์บุรี: วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี, อ.เมืองสิงห์บุรี, อ.พรหมบุรี และวัดเสือข้าม อ.อินทร์บุรี
- จังหวัดชัยนาท: ต.โพนางดำ อ.สรรพยา
กรมชลประทานระบุว่า หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้นและจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จะมีการแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง: