‘ศุภจี’ ลุยคุมราคายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน ลดช่องว่างสวัสดิการความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ คาดช่วยลดภาระค่าครองชีพได้กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท/ปี เผยมีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้ว 110 แห่ง
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ การดูแลค่าครองชีพ โดยมีแผนดำเนินการราคายา MOU กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน รับรู้ค่าใช้จ่ายราคายาก่อนชำระเงิน และไม่จำเป็นจะต้องยอมรับในค่าใช้จ่ายนั้นทันที โดยประชาชนสามารถไปซื้อที่ร้านค้าข้างนอกโรงพยาบาลเอกชนได้
ปัจจุบัน มีโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในสมาคม ทั้งหมด 330 แห่ง แบ่งออกเป็น 11 เครือ ตอนนี้ได้มีการตกลงร่วมโครงการแล้ว 5 เครือ ประมาณ 110 แห่ง อาทิ วิภาราม เกษมราษฎร์ ธนบุรี บางปะกอก ดุสิตเวชการ
ทั้งนี้ จะมีการประชุมเพิ่มเติม 7 ตุลาคม 2568 ซึ่งคาดว่าจะได้จำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะสามารถดำเนินการได้ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม
เบื้องต้น สิ่งที่สามารถทำได้ คือ 2 เรื่อง คือ
1. การเปิดเผยราคายาอย่างชัดเจน โดยผู้ป่วยสามารถทราบราคายาที่ต้องจ่ายล่วงหน้า และมีสิทธิ์เลือกไปซื้อจากร้านขายยาภายนอกโรงพยาบาลเอกชนได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก โดยมีการประเมินร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขว่า มาตรการนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 32,400 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นหนึ่งใน 7 นโยบาย Quick Big Win
2. การควบคุมต้นทุน ราคายาและเวชภัณฑ์จำเป็น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและป้องกันการตั้งราคาที่เกินความเหมาะสม โดยคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนในหมวดเวชภัณฑ์ได้ถึง 1,100 ล้านบาทต่อปี เช่น สินค้าเวชภัณฑ์จำเป็น ยังคงมีควบคุมต้นทุนสินค้า อาทิ ถุงมือยาง สำลี ATK
“เรื่องสุขภาพมีค่าใช้จ่ายมูลค่าสูงขึ้น และประชาชนก็อาจจะมีทางเลือกน้อยลง เราจะมุ่งเน้นช่วยในเรื่องของความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องของความแออัดของโรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากประชาชนมีรายได้น้อย ต้องการจะลดค่าใช้จ่ายก็ต้องไปที่โรงพยาบาลรัฐ ต่อไปประชาชนจะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการลดค่าครองชีพ และเป็น Quick Big Win” ศุภจี กล่าว