วันนี้ (30 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา เวลา 18.30 น. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ที่ห้อง CB 406 ห้องประชุมงบประมาณ อาคารัฐสภา สัปปายะสภาสถาน ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
สำหรับวาระสำคัญในการประชุม ครม.วันนี้ จะเป็นการพิจารณาการบริหารจัดการงบประมาณที่เหลือในงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นเร่งด่วน พ.ศ.2568 จำนวน 6.2 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ดำเนินการใน 2 ส่วน ได้แก่ นโยบายคนละครึ่ง และนโยบายชำระหนี้รัฐบาลให้ธนาคาร ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะต้องอนุมัติวันนี้ 30 กันยายน ถือเป็นวันสุดท้ายในปีงบประมาณ
ส่วนอื่นๆ จะเป็นในส่วนงบของหน่วยงานที่ขอเข้ามา อาทิ หน่วยงานทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 500-700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงบประมาณรายจ่ายประจำ ที่ตั้งไว้อย่างเงินเดือนข้าราชการประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมถึงงบเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งมีในส่วนที่ค้างท่ออยู่ประมาณ 1,580 ล้านบาท
นอกจากนี้ ครม. ยังได้แต่งตั้ง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต สส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการช่วงแรก ของการประชุมครม. ว่า ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่การสั่งการมอบนโยบาย และการทำงานของรัฐบาลอย่างสมบูรณ์แบบ จากนี้ต้องเร่งทำงานเพื่อให้นโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน
อนุทินยังชี้แจงถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันนี้ว่าเนื่องจากมีเรื่องสำคัญ อาทิ การใช้งบประมาณปี 2568 เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณที่ค้างอยู่กว่า 60,000 ล้านบาทได้ ไปดำเนินการ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และชำระคืนโครงการที่ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ทั้งจะใช้โอกาสนี้ นำข้อสั่งการมอบให้กับกระทรวงต่างๆ เพื่อเร่งปฏิบัติทันที
อนุทิน กล่าวต่อว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และทราบว่ารัฐมนตรีหลายท่านได้ลงพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ ท่านคงได้เห็นแล้วว่าปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากอุทกภัย ตอนนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกปี เราคงต้องมีการดำเนินการทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้ความเดือดร้อน และความเสียหาย ของพี่น้องประชาชนได้รับการช่วยเหลือเยียวยา
ตนขอให้ทางกระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการไปยังจังหวัดลงไปถึงระดับอำเภอ เพื่อเร่งขึ้นทะเบียนผู้ประสบภัย โดยที่รัฐบาลจะเร่งจัดการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เสนอค่าเยียวยาเบื้องต้นให้กับครอบครัวผู้ประสบภัย เรื่องการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากธรรมชาติ เพื่อให้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีความเป็นเอกภาพไม่ซ้ำซ้อน และครอบคลุมทุกมิติ
ตนจึงขอให้ทุกส่วนราชการและทุกหน่วยงานของรัฐ ยังขอให้ทุกส่วนราชการ ส่งเรื่องที่เกี่ยวกับมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าวที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชป.) เพื่อเห็นภาพรวมก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า พบว่ามีหลายพื้นที่ในเขตจังหวัดภาคกลาง พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ และเสียสละอันยิ่งใหญ่ โดยได้เสียสละพื้นที่ที่เป็นที่ดินเรือกสวนไร่นาเป็นพื้นที่รับน้ำ ทำให้ประชาชนในพื้นที่นี้ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ที่ผ่านมาเรามองว่าเป็นการทุ่มเทเสียสละของเขา แต่เราไม่ได้ดูแลเขาอย่างดี
ต่อจากนี้ไปให้ถือว่าพี่น้องประชาชนที่ได้ให้พื้นที่ของเขาเป็นพื้นที่รับน้ำให้เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่ประสบภัยด้วยเช่นกัน และรัฐบาลต้องให้การดูแลช่วยเหลือเยียวยาการจำเพาะ โดยจะให้มีมาตรการช่วยเหลือเป็นการประจำไม่ต้องมาทำเรื่องขอเป็นครั้งๆ ปีต่อปี จึงขอมอบให้ศชป. ได้จัดทำข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือประชาชนในเขตพื้นที่รับน้ำเป็นการประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ทบทวนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่าย และวงเงินช่วยเหลือ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้อย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ โดยเร็ว เนื่องจากหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่าย รวมทั้งวงเงินช่วยเหลือดังกล่าว ยังมีข้อจำกัดบางประการ ส่งผลให้การจ่ายเงินช่วยเหลือ ยังไม่ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง