ในโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยเสียงของความคิดในหัว เราต่างพยายามใช้เหตุผลเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่บ่อยครั้งกลับยิ่งซับซ้อนและสับสน
Longevity Lab พอดแคสต์สุขภาพสำหรับคนเมืองจึงขอประเดิม Episode แรกด้วยการชวน ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัดด้วยศิลปะการเคลื่อนไหวมาแชร์เทคนิคในการกลับมาเชื่อมต่อกับตัวเองผ่าน ‘Body Talk’ หรือการใช้การเคลื่อนไหวเพื่อสื่อสารกับตัวเอง ซึ่งเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้คุณได้ยินเสียงที่ดังกว่าความคิด ปลดปล่อยความรู้สึกที่ตกค้าง และนำไปสู่ความเข้าใจในตัวเองอย่างลึกซึ้ง
และนี่คือ 4 เช็กลิสต์ในการทำ Body Talk ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อเริ่มต้นฟังเสียงที่ร่างกายพยายามบอกคุณมาโดยตลอด
1. เลือกเพลงที่ใช่ หรือปล่อยให้ความเงียบทำงาน
เริ่มต้นด้วยการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม หากคุณเลือกที่จะใช้เสียงเพลง ควรเลือกเพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวในเพลงมาชี้นำหรือรบกวนความรู้สึก
ลองถามตัวเองง่ายๆ ว่า “วันนี้เพลงแบบไหนที่ตรงกับความรู้สึกข้างใน?” โดยไม่ต้องใช้เหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้อง หรืออีกทางหนึ่ง การอยู่ในความเงียบก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะมันจะทำให้คุณได้ยินเสียงที่ละเอียดอ่อนจากร่างกายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. สร้างพื้นที่ปลอดภัย
จัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัวที่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีใครรบกวน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าในพื้นที่นี้ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ มันคือพื้นที่ที่คุณสามารถแสดงออกได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลสายตาของใคร
3. ปล่อยให้ร่างกายนำทางอย่างอิสระ
เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่สบายใจแล้วก็ถึงเวลาปล่อยให้ร่างกายเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ไม่ต้องคิดว่าจะต้องทำท่าอะไร ไม่มีท่าที่ถูกหรือผิด และไม่มีการนับจังหวะ แค่ปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามที่มันต้องการ
หากคุณรู้สึกอยากจะเปล่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นการถอนหายใจหรือพูดออกมา ก็สามารถทำได้ ในทางกลับกันหากร่างกายต้องการความเงียบ ก็เพียงแค่จดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวเท่านั้น
4. ให้เวลาตัวเองโอบรับความเปราะบาง
หลังจากได้ปลดปล่อยและเชื่อมต่อกับตัวเองแล้ว เราอาจรู้สึก ‘เปราะบาง’ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่ใช่เรื่องน่าอาย สิ่งสำคัญคือการให้เวลาตัวเองหลังจากนั้น เพื่อสำรวจและดูแลความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนจะกลับไปเผชิญโลกภายนอก
นี่คือการเคารพและดูแลตัวเองอย่างครบวงจร เพื่อให้มั่นใจว่าเราอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะก้าวต่อไป