×

เกิดอะไรขึ้นที่เนปาล ทำไมกลุ่มคนรุ่นใหม่-Gen Z ประท้วงเดือด เผารัฐสภา-นายกฯ ลาออก

10.09.2025
  • LOADING...
ผู้ประท้วงชาวเนปาลจุดไฟเผารัฐสภา หลังไม่พอใจรัฐบาลและคอร์รัปชัน

เกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ในเนปาล หลังกลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล จากกระแสความไม่พอใจมาตรการแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ประกอบกับปมปัญหาทุจริตคอร์รัปชันและความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึกในสังคมเนปาล ก่อนเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน จะยิ่งทำให้สถานการณ์ในเนปาลบานปลายและรุนแรงมากยิ่งขึ้น 

 

กระแสความไม่พอใจยิ่งแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ชาวเนปาลได้จุดไฟเผารัฐสภา และโจมตีอาคารของรัฐบาล รวมถึงบ้านพักของนักการเมืองทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 คนเมื่อวานนี้ (9 กันยายน) หนึ่งในนั้นคือ ภริยาของ จาลา เนธ คานัล อดีตนายกรัฐมนตรีเนปาลที่ติดอยู่ในบ้านพัก หลังกลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผาบ้านหลังดังกล่าว

 

ก่อนที่ เค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างถึง ‘สถานการณ์พิเศษ’ ภายในประเทศ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดของเนปาลในรอบหลายทศวรรษ

 

สาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่-Gen Z ในเนปาลประท้วงเดือด

 

  1. การแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม

 

เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลประกาศแบนโซเชียลมีเดียยอดนิยม 26 แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึง Facebook, X, YouTube, LinkedIn, Reddit และ  Snapchat โดยอ้างว่า โซเชียลมีเดียเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ของกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อปราบปรามข่าวปลอมและคำพูดที่สร้างความเกลียดชัง ในขณะที่คนรุ่นใหม่ในเนปาลกลับมองว่า มาตรการนี้เป็นการโจมตีเสรีภาพในการแสดงออก จึงเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่นำไปสู่การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ 

 

  1. ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน

 

ผู้ประท้วงจำนวนมากมองว่า การทุจริตคอร์รัปชันที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษเป็น ‘ปัญหาใหญ่’ ของสังคมเนปาล พวกเขาเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่เนปาลจะต้องเปลี่ยนแปลง และเกิดการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง หลังผู้นำประเทศมักสั่งสมอำนาจ และสลับหมุนเวียนกันขึ้นมานั่งบริหารประเทศ โดยเฉพาะ เค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาลที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง เคยบริหารประเทศมาแล้วถึง 4 สมัย

 

  1. โอกาสทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

 

เหตุประท้วงในครั้งนี้ยังเกี่ยวพันกับวิกฤตเศรษฐกิจในเนปาล สะท้อนถึงความคับข้องใจของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจที่ ‘มีอยู่อย่างจำกัด’ โดยข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า อัตราการว่างงานสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อายุ 15-24 ปีในเนปาล สูงถึง 20.8% ในปี 2024 อีกทั้งเศรษฐกิจของเนปาลพึ่งพาเงินที่ชาวเนปาลส่งกลับประเทศเป็นอย่างมาก โดยคิดเป็นกว่าหนึ่งในสาม (33.1%) ของ GDP ประกอบกับรัฐบาลเนปาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเพิ่มอัตราการจ้างงานได้ จึงยิ่งทำให้กระแสความไม่พอใจรัฐบาลขยายตัวมากยิ่งขึ้น

 

  1. ความเหลื่อมล้ำในสังคมเนปาล โดยเฉพาะกรณี Nepo Kids

 

ปัญหาความเหลื่อมล้ำในเนปาลเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ยกระดับยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีของ ‘Nepo Kids’ หรือ บรรดาลูกหลานของนักการเมืองที่ใช้ชีวิตหรูหรา สะดวกสบาย จนเกิดเป็นกระแส #NepoKids โจมตีคนกลุ่มนี้ในโลกออนไลน์ พร้อมประณามว่า ‘ไม่เข้าใจความเป็นจริงของสังคม’ ซึ่งประชากรราว 1 ใน 4 อาศัยอยู่ ‘ต่ำกว่าเส้นความยากจน’  

 

สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งเป็น ‘กระจกสะท้อน’ ถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ และช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มอีลิต หรือชนชั้นนำในสังคม กับประชาชนส่วนใหญ่ในเนปาล ท่ามกลางสภาวะปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่รุมเร้า

 

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็เป็นชนวนสำคัญที่ก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างอินโดนีเซีย หลังประชาชนแสดงความไม่พอใจ กรณีการให้เงินค่าที่พักต่อเดือน กับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำในจาการ์ตา 10 เท่า ซึ่งสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ในประเทศ และสวนทางกับประสิทธิภาพการทำงานของ สส. ในขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเองก็เพิ่งประกาศจะรัดเข็มขัด โดยสถานการณ์โดยรวมคลี่คลายลง หลังรัฐบาลอินโดนีเซียรับปากจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และรับฟังเสียงของประชาชน

 

ผลลัพธ์ที่ตามมา และท่าทีของฝ่ายต่างๆ 

 

การใช้ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นในหลายเมืองสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ใช้กระสุนจริง, ปืนฉีดน้ำ และแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงยังคงเผาอาคารทำการของรัฐหลายแห่ง สนามบินนานาชาติถูกสั่งปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย และมีนักโทษประมาณ 900 คนหลบหนีออกจากเรือนจำสองแห่งในเขตทางตะวันตกของเนปาล หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนหลายร้อยคน จะเพิ่มสูงขึ้นอีก

 

รามจันทระ เปาเฑล ประธานาธิบดีเนปาล เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมหันมา ‘ร่วมมือเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ’ โดยจะเรียกประชุมรัฐสภา ซึ่งอาจมีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว และเปิดพื้นที่ให้องค์กรของคนรุ่นใหม่ หรือองค์กร Gen Z ในเนปาลเข้าร่วมหารือด้วย หลัง เค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล ประกาศลาออก

 

ทางด้านกองทัพเนปาล เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจา และขอให้ประชาชนทุกคนใช้ความยับยั้งชั่งใจ และเตือนว่าจะเข้าควบคุมสถานการณ์ หากความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไป

 

นอกจากนี้ยังมีเสียงประณามจากนานาชาติ โดยสำนักงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติแสดงความตกใจต่อการเสียชีวิตของผู้ประท้วง และเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส ขณะที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การใช้กำลังถึงชีวิตกับผู้ประท้วงที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตหรือการบาดเจ็บร้ายแรง ถือเป็น ‘การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง’ 

 

นักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า หากรัฐบาลเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่ และไม่รับฟังเสียงของพวกเขาอย่างแท้จริง อาจจะไม่สามารถยุติการเคลื่อนไหวของประชาชนในครั้งนี้ได้ เนื่องจากการประท้วงได้ขยายข้อเรียกร้องไปสู่ ‘การปฏิรูปการเมืองเชิงโครงสร้าง’ มากกว่าการเปลี่ยนตัวผู้นำเพียงอย่างเดียว แม้ผู้นำจะลาออกแล้วก็ตาม

 

ภาพ: Reuters

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising