พิชัย รมว.คลัง ระบุว่า สุญญากาศทางการเมืองยังไม่สั่นคลอนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เอกชนยังเข้าใจ FDI ไม่ชะงัก มองยังทำประโยชน์ต่อประเทศได้แม้มีการยุบสภา ชี้นโยบายต่างๆ ยังรอสถานการณ์คลี่คลาย
วันนี้ (3 กันยายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาวะสุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้น มีโอกาสทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลงไปได้ แต่เชื่อว่าการเมืองไทยมีลักษณะเฉพาะตัว และมีความผันผวนบ่อยอยู่แล้ว ซึ่งภาคเอกชนต่างมีความคุ้นเคยและเข้าใจเป็นอย่างดี จึงน่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อย
ส่วนข้อกังวลว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะชะงักลงไปหรือไม่ พิชัยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีฟีดแบ็กเชิงลบจากภาคเอกชน รวมถึงยังไม่มีสัญญาณว่านักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตออกจากไทย จึงเชื่อแนวโน้มยังเป็นเหมือนเดิมต่อไป หากสถานการณ์ยังดำเนินไปตามปกติ
สำหรับการเจรจามาตรการภาษีกับทางสหรัฐฯ พิชัยกล่าวว่ายังคงดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากข้อตกลงกับสหรัฐฯ ยังไม่มีผลผูกพัน เป็นเพียงการเจรจาเพื่อหากรอบข้อตกลงให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น
ส่วนการประเมินของการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการขยายตัวเพียง 1% พิชัยกล่าวว่า เนื่องจากเป็นการประเมินก่อนที่สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีชัดเจน และยังไม่รู้ว่านโยบายภาษีจะจบลงอย่างไร พร้อมชี้ว่าสำนักอื่นๆ ต่างปรับแนวโน้มการเติบโตขึ้นสู่ระดับ 2% แล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พิชัยเชื่อว่าสามารถดันการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เป็น 2.5% ได้หากสถานการณ์ไม่ผันผวนมาก
อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น พิชัยตอบว่ายังคงสามารถใช้อำนาจรักษาการ เพื่อทำประโยชน์ต่อประเทศต่อไปได้
ด้านเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าสำหรับนโยบายใดก็ตามที่อยู่ในขั้นตอนพิจารณาร่างกฎหมาย เช่น หวยเกษียณ หรือ สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) จำเป็นต้องรอความชัดเจนของสถานการณ์ก่อนว่าจะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่
ตลอดจนกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ ซึ่งพิชัยเผยว่า ขณะนี้ได้ร่างไว้เสร็จหมดแล้ว และกำลังเตรียมเสนอครม. พิจารณา หากไม่ทันครม. ชุดปัจจุบัน พิชัยเชื่อว่า ครม. ชุดต่อไปที่เข้ามาบริหารงานจะเห็นประโยชน์และสานต่อให้