×

เจาะทำเลทองหมื่นล้าน ‘นิคมอารยะ’ ศึก 3 เจ้าสัว ชิงฐานผลิตไฮเทคแรกของไทย รับยุคภาษีทรัมป์

03.09.2025
  • LOADING...

 

หลังจากที่ 3 ทายาททุนใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเจ้าสัวเจริญ-โสภณพนิช-โรจนะ จับมือ กนอ. ทุ่มกว่า 20,000 ล้านบาท ร่วมทุนสร้าง ‘นิคมอารยะ’ ซึ่งคว้าทำเลทอง กิโลเมตรที่ 32 ของถนนบางนา-ตราด จ.สมุทรปราการ 4,600 ไร่

 

เพื่อรองรับอุตสาหกรรมอัจฉริยะ หรือกลุ่มไฮเทคใกล้กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อจากถนนบางนา-ตราด สู่ทางพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motorway) ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานกว่า 14,560 อัตรา ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2025 

 

วันนี้ (2 ก.ย.68) THE STANDARD WEALTH ได้เข้าชมโครงการ พร้อมสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารถึงความคืบหน้า 

 

กมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด กล่าวว่า นิคมนี้ไม่ได้เพียงพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ แต่กำลังสร้างระบบนิเวศ เพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมไทย เป็นแคมปัสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี, พื้นที่โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรมอารยะ และโซนไลฟ์สไตล์และบริการครบวงจรในที่เดียว เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ และเป็นโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทย ท่ามกลางนโยบายภาษีสหรัฐฯ 2025

 

กมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด

 

ปัจจุบัน โครงการ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ มีความคืบหน้าก่อสร้างเฟส 1 ซึ่งปลายปีหน้าจะครบ 100% โดยขณะนี้ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ ‘นิคมอุตสาหกรรม’ อย่างเป็นทางการแล้ว และเพื่อสร้างจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐาน ได้ร่วมมือกับลูกค้า และพันธมิตร รายใหญ่ของไทยแล้ว 5 ราย

  • กลุ่ม ปตท. (PTT Group): ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานผ่านการใช้ก๊าซธรรมชาติ เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม
  • เอไอเอส (AIS): พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร และเครือข่ายดิจิทัลด้วยระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (5G / Fiber Optic) เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
  • การไฟฟ้านครหลวง (MEA): ให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในระบบ 115kV/24kV อย่างเสถียร และเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมใหม่ 

 

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการจัดการพื้นที่ด้วยแนวทางการพัฒนา โครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน และการผสานพลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับระบบไฟฟ้าหลัก โดยได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาอาคารและพื้นที่โล่งในโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้ารายใหญ่ๆมักจะมองหาทำเลที่มี Green Energy 

 

ทั้งนี้ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ นับเป็น นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) แห่งแรกของประเทศไทย ที่พัฒนาภายใต้กรอบองค์ประกอบ หลัก 7 ด้าน ได้แก่ Smart Facilities, Smart IT, Smart Energy, Smart Economy, Smart Governance, Smart Living และSmart Workforce ผสานรวมผ่าน One-Stop Service Platform

 

‘ชิป’ ยักษ์ใหญ่เยอรมัน เลือกนิคมอารยะ ฐานผลิตใหม่ ‘แห่งแรกอาเซียน’ 

 

กมลกาญจน์ เผยอีกว่า จากศักยภาพด้านทำเล โครงสร้างพื้นฐาน และแนวคิด โครงการ ล่าสุด นักลงทุนต่างชาติยักษ์ใหญ่ อย่าง ผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก คือ บริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ แมนูแฟคเชอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์เบอร์ 1 จากเยอรมนี เลือกที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งโรงงานผลิต Back End แห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 125 ไร่ 

 

“อินฟินีออนจะพัฒนาเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (Back End Production) ซึ่งเป็นแผนขยายฐานการผลิตในเอเชีย รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโมดูลพลังงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง และมีแผนเปิดโรงงานต้นปี 2026”

 

ทั้งนี้ อินฟินีออน เป็นผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์ในระบบพลังงาน และ IoT ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 21.3% และครองตำแหน่งผู้นำตลาดใน ตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ระดับโลกอีกด้วย โรงงานนี้จะเกิดการจ้างงานทักษะสูง ซึ่งจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิศวกรคนไทย และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์

 

นอกจากนี้ ยังมี (IFMT) ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ระดับภูมิภาค อย่าง มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (MR. D.I.Y.) (ประเทศไทย) รวมไปถึงผู้ให้บริการ Data Center ชั้นนำ ที่อยู่ระหว่างพิจารณาอีกหลายราย

 

“หากถามถึงสัญญาณการย้ายฐานผลิตมาไทยของทุนต่างชาติ ขณะนี้เห็นสัญญาณชัดเจนของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ ที่สนใจติดต่อเข้ามามากที่สุด”

 

กมลกาญจน์ ระบุว่า ลูกค้าอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มต่างชาติ ที่จะมาส่วนใหญ่จะสอดรับไปกับนโยบายอุตสาหกรรมใหม่ของ BOI ซึ่งมี 5 สาขาหลักที่เป็น Game Changer ของประเทศ เรียกได้ว่าเป็น New Growth Engine ของไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น 

 

  1. Bio-based & Green Industries (BCG)
  2. EV+Battery
  3. Data Center
  4. Digital
  5. Semiconductor and Advanced Electronics

 

“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่อุตสาหกรรม แต่คือฟันเฟือง ดันอนาคตอุตสาหกรรมไทย ตั้งแต่เทคโนโลยีขั้นสูงไปจนถึงคุณภาพชีวิต ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานคนไทยถึงหมื่นคน และพร้อมเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนที่มองการลงทุนระยะยาว ซึ่งเฟสแรก ตั้งเป้าไว้ที่ 400 ไร่” กมลกาญจน์ กล่าว 

 

เผยภาษีทรัมป์-การเมืองไทย ‘นักลงทุนมองข้ามช็อต’

 

เมื่อถามว่ามองบรรยากาศการลงทุนท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และภาษีสหรัฐฯ อย่างไรนั้น “แน่นอนว่า เราเห็นสัญญาณการย้ายฐานผลิต ซึ่งเรื่องนี้ก็ล้อไปกับนโยบายภาครัฐ ดังนั้น จึงมีทั้งลูกค้ารายเล็กและรายใหญ่สนใจ ทั้งจีน ไต้หวัน ยุโรป สหรัฐฯและไทยเองในสัดส่วนเท่าๆ กัน”

 

โรงงาน

 

เมื่อถามว่า หากเทียบแต้มต่อไทยและเพื่อนบ้าน อยู่ตรงไหนนั้น มองว่า เชื่อว่านักลงทุนมองโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนระยะยาว ประกอบกับความต่อเนื่องของนโยบาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนเข้ามาบริหาร ก็ต้องเดินหน้าอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเป็นอนาคต ซึ่งขณะนี้ก็เรียกได้ว่ามาถูกทาง 

 

ส่วน 4 เดือนที่เหลือจะเป็นอย่างไรนั้น “ไม่ว่าจะมีความท้าทายทั้งปัจจัยภายนอกและการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเชื่อว่า นักลงทุนมองข้ามช็อตนี้และต้องเดินหน้าลงทุนต่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่าภาษีทรัมป์ท้าทายและยาก มากกว่าการเมืองภายใน” กมลกาญจน์ กล่าว 

 

สำหรับ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ (ARAYA-The Eastern Gateway) เปิดพื้นที่โครงการด้วยแนวคิด การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ครบวงจรแห่งแรกของไทย (Thailand’s First Industrial-Tech Ecosystem) โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและอุตสาหกรรมระดับโลก ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบนิเวศธุรกิจครบวงจร พร้อมผลักดันอุตสาหกรรม S-Curve ยกระดับสู่ ‘Township’ อุตสาหกรรมอัจฉริยะ ที่ผสานการบริหารจัดการนิคมฯ เทคโนโลยี

 

นิคมแห่งนี้เป็นการสร้างระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่ ที่ยังไม่มีในไทย ที่พัฒนาขึ้นภายใต้ Industrial-Tech Ecosystem จากการร่วมทุนของ 3 ยักษ์ใหญ่ ทายาทวงการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 

 

  1. บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) (กลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี)
  2. บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) 
  3. บริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จำกัด หรือเอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตท (โสภณพนิช)

 

สำหรับสัดส่วนการถือหุ้น 

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (เจ้าของที่ดิน) ถือหุ้น 50% 

นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ถือหุ้น 25% 

และสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ถือหุ้น 25% 

 

ที่มาของชื่อ ‘อารยะ’ คือสื่อถึงอารยธรรม ความเจริญรุ่งเรือง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม การเติบโตทางธุรกิจ ส่วน “ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” สื่อถึงทำเลของโครงการที่เชื่อมต่อสู่ภาคตะวันออก และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลักแห่งใหม่ของประเทศ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising