Huawei กวาดรายรับครึ่งปีแรก 3.25 แสนล้านหยวน โตขึ้น 15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านบริษัทวิจัยข้อมูลทางการตลาด IDC เผยแซง Apple ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) แบรนด์สมาร์ทโฟนและผู้ประกอบการโครงข่ายโทรคมนาคมในประเทศจีนได้ออกมาเปิดเผยผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 โดยพบว่า 6 เดือนแรกประจำปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) พวกเขากวาดรายรับรวมไปทั้งสิ้นกว่า 325,700 ล้านหยวน หรือราว 47,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017
แน่นอนว่าตลาดในประเทศจีนยังเป็นช่องทางทำเงินหลักของพวกเขา เนื่องจากในประเทศจีน พวกเขาเป็นทั้งแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและผู้ประกอบการโทรคมนาคม ทั้งยังสามารถทำส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในจีนได้กว่า 27% เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่เคยทำไว้ที่ 21% โดยคาดว่ารายได้ทั้งหมดครึ่งหนึ่งมาจากการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม
บริษัท International Data Corporation (IDC) ผู้ให้บริการข้อมูลทางการตลาด ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในเวลาไล่เลี่ยกันว่า Huawei ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของโลกแซงหน้า Apple เป็นที่เรียบร้อย โดยจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปีนี้ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 54.2 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วน 15.8% ของตลาด เป็นรองเพียงแค่ Samsung ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 20.9%
ขณะที่อุปสรรคการถูกกีดกันการทำตลาดโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบยังเป็นข้อจำกัดที่ทำให้รายได้ของ Huawei ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงความกังวลต่อการสอดแนมผู้ใช้ ซึ่ง Huawei ได้ออกมาตอบโต้ข้อพิพาทในประเด็นดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยอนุญาตให้รัฐบาลจีนหรือหน่วยงานใดๆ มาแทรกแซงดึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
อ้างอิง:
- www.huawei.com/en/press-events/news/2018/7/Huawei-announces-H1-revenue
- www.reuters.com/article/us-huawei-revenue/chinas-huawei-says-first-half-revenue-rises-15-percent-to-477-billion-idUSKBN1KL0BN
- www.bloomberg.com/news/articles/2018-08-01/china-s-huawei-passes-apple-in-smartphone-share-for-first-time
- www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prUS44188018 https://www.cnbc.com/2018/08/01/huawei-beats-apple-to-become-number-two-smartphone-seller.html?__source=twitter%7Cmain