วันนี้ (20 สิงหาคม) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีหลักฐานเป็นวิดีโอการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ว่า เราทำสองอย่าง คือ ในแง่ของชาวโลกก็เผยแพร่ออกไปให้สังคมได้รับทราบว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวแม้รัฐบาลจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิง แต่กำลังพลหน้างานในพื้นที่ยังปฏิบัติการยั่วยุ ฝ่าฝืน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แสดงว่าหากกัมพูชามีความจริงใจ ก็แปลว่า ทหารเขาไม่มีวินัย แต่หากพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจก็จะต้องว่ากันอีกที
รวมถึง กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการส่งไปให้กับประเทศที่สนับสนุนงบประมาณประเทศกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีบัญชีรายชื่ออยู่แล้วว่า มีประเทศไหนบ้างที่สนับสนุนงบประมาณ ส่วนการตัดสินใจของแต่ละประเทศก็ต้องรอฟัง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ข้อมูลของไทยน่าเชื่อถือ
ส่วนอีกเรื่องที่ทำ คือ คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ที่ควบคุมเรื่องทุ่นระเบิดที่มีคณะกรรมการใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ซึ่งได้รับทราบจากกระทรวงการต่างประเทศว่าคณะกรรมการใหญ่ได้ขอหลักฐานเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ฉะนั้นเราก็จะส่งหลักฐานไปประกอบ
ขณะที่ รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งมีประเทศญี่ปุ่นเป็นประธาน เราก็จะติดต่อให้ลงมาดูก่อนที่จะถึงการประชุมใหญ่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ตอบรับ แต่กำลังรอขั้นตอนอยู่ว่าจะลงมาเมื่อใด
ส่วนกลไกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พล.อ. ณัฐพลระบุว่า ก็พยายามพูดคุย ซึ่งคาดว่า ด้วยข้อมูลข่าวสาร สภาพสังคม สภาพแวดล้อม จะสามารถกดดันทางกัมพูชาได้มากพอสมควร และในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) รอบหน้าเราก็จะหยิบยกเรื่องกับดักทุ่นระเบิด ขึ้นมาอีกว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
พล.อ. ณัฐพลกล่าวอีกว่า สิ่งที่กลไก JBC และศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) มีนโยบายคือการใช้กลไกอาเซียนเข้ามาจัดการ โดยจะใช้ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (ARMAC) แต่หากประเทศอื่นจะมาร่วมให้เป็นลักษณะของการบริจาค หรือสนับสนุนเครื่องมือ เพราะเราจะไม่เอากำลังจากนอกภูมิภาคอาเซียนเข้ามา ซึ่งในส่วนของจีนและสหรัฐอเมริกาก็จะเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
“ฝ่ายความมั่นคงของเรายึดนโยบายสมดุลมาโดยตลอด และเป็นนโยบายที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะตราบใดที่เรายอมรับให้ประเทศหนึ่งเข้ามา ก็จะมีประเทศอื่นๆ เสนอเข้ามาอีก จะกลายเป็นความยุ่งเหยิง ยืนยันว่าเราคิดทุกด้าน”
พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ในบทบาทของเราจะเน้นในเรื่องทวิภาคี ส่วนถ้าเป็นพหุภาคีอื่นๆ ก็ขอให้อยู่ในประเทศอาเซียน เพราะเราต้องทำให้ทั่วโลกเห็นว่าอาเซียนเราดูแลกันเองได้ไม่ใช่แค่เรื่องการทหารอย่างเดียว และส่วนตัวมั่นใจในความพร้อมของกองทัพว่าพร้อมตลอดเวลา ดังนั้นไม่ต้องกังวล
ส่วนกรณีที่กัมพูชาอ้างว่า คลิปวางระเบิดทุ่นระเบิดที่ออกมาเป็นการจัดฉากของฝ่ายไทย พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ศบ.ทก.ยึดถือความจริงไปสู้กับ Fake News ตราบใดก็ตามที่เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง เครดิตจะเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศ หรือระดับการทำงานของสื่อมวลชน ประชาชนก็จะมีดุลยพินิจว่าจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่จะมาบิดเบือนง่ายๆ เพียงแต่เขาอาจจะชอบหรือสะใจ แต่เขารู้ว่าอันนี้ไม่จริง
ส่วน ARMAC ที่มีประธานเป็นชาวกัมพูชา พล.อ. ณัฐพลยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการร่วมมือ แม้ประเทศกัมพูชาเป็นประธาน แต่ยังมีอีก 9-10 ประเทศสมาชิกเป็นชาติอื่น พร้อมย้ำด้วยว่าขณะที่ได้มีการใช้ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศอาเซียน อยู่แต่ยังไม่มีการเพิ่มทูตทหารเข้ามา ส่วนกลุ่มคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) นั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบทั้งจากไทยและกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังศึกษาอยู่ หากจะดำเนินการจะต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ หรือให้ที่ประชุมสภาพิจารณาหรือไม่