ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินหน้าเต็มกำลัง ในการผลักดันให้เกิดดีลสันติภาพ เพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ภายหลังการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดทำเนียบขาวพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน พร้อมกับผู้นำชาติยุโรปในวันนี้ (18 สิงหาคม) ท่ามกลางความคาดหวังที่จะนำไปสู่การเจรจาไตรภาคี ระหว่าง ทรัมป์ ปูติน และเซเลนสกี หลังจากนี้
แต่โอกาสที่จะเกิดดีลสันติภาพอย่างแท้จริงได้นั้น สิ่งสำคัญคือ ‘เงื่อนไข’ จากฝ่ายรัสเซียและยูเครน
สิ่งที่ปูตินต้องการคืออะไร เซเลนสกีจะยินยอมหรือไม่ และอะไรคือหลักประกันที่ทำให้มั่นใจได้ว่า สันติภาพของยูเครนจะยั่งยืน?
สละ 2 ดินแดน
ระหว่างการประชุมที่อะแลสกา ปูติน บอกกับทรัมป์ ว่าเขาต้องการให้ยูเครน สละพื้นที่ 2 แคว้นทางตะวันออก คือ โดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งเป็น 2 ใน 4 แคว้นของยูเครนที่รัสเซียประกาศผนวกรวมไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 และให้ยูเครนถอนทหารออกไปจากโดเนตสก์ โดยอีก 2 แคว้นที่เหลือ คือเคอร์ซอนและซาปอริซเซียนั้น รัสเซียเต็มใจที่จะยอมยุติการยึดครอง
ทั้งนี้ รัสเซียควบคุมดินแดนของยูเครนอยู่ราว 1 ใน 5 ของพื้นที่ทั่วประเทศ และควบคุมแคว้นลูฮันสก์ได้เกือบทั้งหมด แต่ควบคุมแคว้นโดเนตสก์ได้ ราว 3 ใน 4 ขณะที่ในความเป็นจริง รัสเซียไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆ ในการบุกยึดครองพื้นที่เหล่านี้จากกองทัพยูเครนมาระยะหนึ่งแล้ว
รายงานจากสื่อหลายสำนัก ชี้ว่าทรัมป์ สนับสนุนข้อเรียกร้องของปูติน ขณะที่เขาได้โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ในวันนี้ โดยแนะผู้นำยูเครนว่า
“ประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครนสามารถยุติสงครามกับรัสเซียได้เกือบจะในทันที หากเขาต้องการ หรือเขาสามารถสู้ต่อไปได้ จำได้ไหมว่ามันเริ่มต้นอย่างไร โอบามาไม่มีทางได้อะไรกลับคืนมาเลย แม้จะให้ไครเมียไป (12 ปีที่แล้วโดยไม่มีการยิงปืนแม้แต่นัดเดียว!) และยูเครนก็ไม่มีทางเข้าร่วม NATO บางสิ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง!!!”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเซเลนสกี มีจุดยืนชัดเจนในการเจรจาสันติภาพ คือจะไม่ยอมสูญเสียดินแดนให้แก่รัสเซีย
ขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมระหว่างทรัมป์กับปูติน มองว่าการพูดคุยนั้นมีความคืบหน้า แต่ประเมินถึงโอกาสที่ข้อตกลงสันติภาพจะเกิดขึ้นนั้นยังคง ‘ห่างไกล’
“เรามีความคืบหน้าในแง่ของการระบุพื้นที่ที่อาจมีข้อตกลงร่วมกันได้ แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่มาก ดังนั้นเราจึงยังห่างไกลจากข้อตกลงนี้มาก เราไม่ได้อยู่ที่ปากเหวของข้อตกลงสันติภาพ และก็ไม่ได้อยู่ขอบเหวของข้อตกลง แต่ผมคิดว่ามีความคืบหน้าเกิดขึ้นแล้ว” รูบิโอ กล่าวในรายการ This Week ของสถานีโทรทัศน์ ABC
นอกจากนี้ เขายังให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ของ CBS ว่าเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพของทั้งสองฝ่ายนั้น อาจจะไม่น่าพอใจ หรืออาจจะน่ารังเกียจ แต่เป็นไปเพื่อให้สงครามยุติลงได้
“มีหลายสิ่งที่รัสเซียต้องการแต่ไม่สามารถบรรลุได้ และมีหลายสิ่งที่ยูเครนต้องการแต่ก็ไม่สามารถบรรลุได้”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทรัมป์ จะหยิบยกเอามาตรการทางภาษีและการเพิ่มคว่ำบาตรมาข่มขู่ หากรัสเซียไม่ยอมบรรลุข้อตกลงหยุดยิง แต่การประชุมระหว่างทรัมป์และปูติน ที่ใช้เวลาไปไม่ถึง 3 ชั่วโมง ก็สิ้นสุดลงโดยไม่มีการแถลงเรื่องดีลยุติสงครามใดๆ และค่อนข้างไม่ชัดเจนในขั้นตอนต่อไป
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News หลังการประชุม ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่าเขาและปูตินได้หารือกันเกี่ยวกับการโอนดินแดนให้อยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย และการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครน ซึ่งส่วนใหญ่ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน
ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า “ยูเครนจำเป็นต้องทำข้อตกลง เนื่องจากรัสเซียเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ยูเครนไม่ใช่”
รับประกันความมั่นคงยูเครน
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางและภารกิจสันติภาพของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ CNN โดยเปิดเผยข้อตกลงสำคัญหลายฉบับที่บรรลุระหว่างการเจรจาที่อะแลสกา ซึ่งเขากล่าวว่า เป็นการสร้างแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสู่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน
หนึ่งในข้อตกลงที่สำคัญ คือปูตินได้ลงนามรับรองให้มีการประกันความมั่นคงที่ “แข็งแกร่ง” อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพในอนาคต ซึ่งรวมถึงบทบัญญัติที่จะให้สหรัฐฯ และยุโรปร่วมกันปกป้องยูเครน หากรัสเซียพยายามรุกรานอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับ มาตราที่ 5 ของ NATO ที่บัญญัติไว้ว่า การโจมตีสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง NATO ‘จะเท่ากับเป็นการโจมตีสมาชิกทุกประเทศ’
โดยวิตคอฟฟ์ อธิบายว่านี่เป็น “ครั้งแรกที่รัสเซียเห็นพ้อง” ที่จะรวมบทบัญญัติดังกล่าวไว้ในข้อตกลงสันติภาพ และชี้ว่า ที่ผ่านมา ปูตินคัดค้านการที่ยูเครนจะเข้าร่วม NATO มาโดยตลอด ซึ่งเขามองข้อตกลงนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง หากยูเครน “ยอมรับได้”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเครมลินไม่มีการระบุถึงข้อตกลงและบทบัญญัตินี้ในรายงานผลการประชุมสุดยอดของฝ่ายรัสเซีย
ขณะที่ข้อตกลงประกันความมั่นคงแก่ยูเครน จะเป็นหัวใจสำคัญของการประชุมระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีและผู้แทนจากชาติยุโรปในวันนี้ ซึ่งรวมถึงผู้นำจากฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร อิตาลี ฟินแลนด์ สหภาพยุโรป และ NATO
ทั้งนี้ ข้อมูลจากแหล่งข่าว ระบุว่าปูติน ได้กล่าวในการพูดคุยกับทรัมป์ ว่าเขายินดีที่จะหารือเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครน และเสนอว่าจีนเป็นหนึ่งในผู้รับประกันที่เป็นไปได้ ซึ่งบ่งชี้ว่า เขาอาจจะคัดค้านกองกำลังรักษาสันติภาพที่ประกอบด้วยกองกำลังทหาร NATO
โดยทรัมป์เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ ว่ากองกำลังทหารอเมริกันจะไม่ประจำการในยูเครน และกล่าวว่าภาระหน้าที่จะตกอยู่ที่ประเทศในยุโรปที่จะเป็นผู้นำในการปกป้องยูเครน
ที่ผ่านมายูเครนและหลายชาติยุโรปสนับสนุนแนวคิด “พันธมิตรแห่งความเต็มใจ” ที่จะช่วยให้ยูเครนสามารถป้องกันการรุกรานของรัสเซียในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี แสดงความยินดีต่อท่าทีของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการรับประกันความมั่นคงดังกล่าวและกล่าวก่อนการเยือนวอชิงตัน ดี.ซี. ว่าการรับประกันใดๆ ก็ตาม “ต้องปฏิบัติได้จริง และให้การคุ้มครองทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล และต้องได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของยุโรป”
ภาพ : Contributor/Getty Images
อ้างอิง :