วันนี้ (14 กรกฎาคม) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายของพรรค ได้แจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านพระพุทธศาสนาและแนวทางดำเนินการของพรรคเพื่อไทยว่า จากปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติของพระสงฆ์ขณะนี้ ทั้งในเรื่องการจัดการทรัพย์สินของวัดโดยไม่โปร่งใส การประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง การเสพเมถุนกับสีกาจนเป็นข่าวครึกโครมในขณะนี้ ตนเองได้รับมอบหมายจากพรรคให้พิจารณาดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหาพระสงฆ์ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง และหามาตรการในการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา
ชูศักดิ์กล่าวว่า ในวันนี้ตนมอบหมายให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นมาโดยด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ที่กำหนดให้รัฐต้องมีมาตรการและกลไกในการปกป้องมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ดังนั้น ในร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้การกระทำบางอย่างเป็นความผิดอาญา
นอกเหนือไปจากมาตรการทางวินัยสงฆ์จะมีบทกำหนดโทษอันเป็นโทษทางอาญาสำหรับผู้ที่กระทำความผิดอันเข้าข่ายเป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการกระทำของพระสงฆ์และฆราวาสที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงการกระทำอื่นๆ เหตุที่ต้องใช้มาตรการทางอาญาเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันลำพังการลงโทษตามวินัยสงฆ์ไม่เพียงพอที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาได้ จึงต้องมีมาตรการเด็ดขาด โดยจะกำหนดความผิดและกำหนดอัตราโทษก็ให้เหมาะสม โดยจะเร่งรัดดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อเสนอต่อสภา
ชูศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ อันเป็นผลจากการกระทำของพระสงฆ์บางรูป ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงการพระสงฆ์ทั่วประเทศ กระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ขอให้คิดว่านั่นเป็นการกระทำส่วนบุคคล แต่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาต่างๆ ที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดีไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงขอให้พุทธศาสนิกชนยังคงยึดมั่นในหลักศาสนา และช่วยกันส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาต่อไป