Meta Platforms Inc. กำลังจุดพลุเปิดตัว ‘แว่นตาอัจฉริยะ’ รุ่นใหม่ ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ Oakley แบรนด์ดังระดับโลก โดยมุ่งเป้าเจาะตลาดนักกีฬาอย่างเต็มตัว พร้อมคุณสมบัติเด่นคือ ‘การบันทึกวิดีโอ’ ที่ได้รับการอัปเกรดแบบก้าวกระโดด
การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงเป็นการขยายฐานผลิตภัณฑ์นอกเหนือจาก Ray-Ban แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึง ‘ความสำเร็จที่เกินคาด’ ของ Meta ในสังเวียนฮาร์ดแวร์ AI ที่เคยเจอขวากหนาม
แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่นี้ใช้ดีไซน์ HSTN อันเป็นเอกลักษณ์ของ Oakley มีราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13,000 บาท) และสูงสุด 499 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,000 บาท) สำหรับรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันที่มาพร้อมลูกเล่นสีทอง
คุณสมบัติหลักยังคงคล้ายคลึงกับรุ่น Ray-Ban เดิม ทั้งการโทรออก รับสาย เล่นเพลง ถ่ายภาพและวิดีโอ รวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Meta AI) เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้สวมใส่ แต่รุ่นใหม่นี้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วย ‘แบตเตอรี่’ ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นถึงสองเท่า การบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 3K และคุณสมบัติกันน้ำ
เส้นทางสู่ความสำเร็จของ Meta ในตลาดแว่นตานั้นไม่ได้ง่ายอย่างใจนึก แว่นตา Ray-Ban Stories รุ่นแรกของบริษัทเคยพลาดท่าและประสบความล้มเหลวในปี 2021
แต่ Meta ก็ไม่ยอมแพ้ ได้กลับมาพร้อมกับรุ่นถัดมาในปี 2023 ซึ่งกลายเป็น ‘ความสำเร็จที่เกินคาด’ อย่างมหาศาล และเป็นอาวุธลับที่ทำให้ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้ มีรากฐานฮาร์ดแวร์ที่มั่นคงในการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ อเล็กซ์ ฮิเมล รองประธานของ Meta ที่ดูแลผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ ยอมรับว่า “ความนิยมทำให้เราประหลาดใจเล็กน้อย”
ฮิเมล เผยว่าเดิมทีแว่น Ray-Ban จะเป็นแว่นตาอัจฉริยะไร้จอแสดงผลคู่สุดท้าย แต่จากความสำเร็จที่เกินคาดนี้ ทำให้ Meta มี ‘แผนงานระยะยาว’ สำหรับหมวดผลิตภัณฑ์ไร้จอแสดงผล โดยมีแผนจะเปิดตัวแว่น Oakley ที่ใช้ดีไซน์ Sphera ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อนักปั่นจักรยานโดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ และจะมาพร้อมกล้องที่จัดวางอยู่ตรงกลาง
นอกจากนี้ Meta ยังมองไปไกลกว่านั้น โดยวางแผนจะเปิดตัวแว่นตาระดับไฮเอนด์ที่มีหน้าจอแสดงผลสำหรับแจ้งเตือนและช่องมองภาพจากกล้องในปลายปีนี้ และตั้งเป้าจะบุกตลาดแว่น Augmented Reality (AR) ที่แท้จริง ซึ่งจะผสานแอปพลิเคชันดิจิทัลเข้ากับโลกจริงในปี 2027
ฮิเมลกล่าวว่า Meta ได้ขายแว่นตาไปแล้วหลายล้านคู่ และมียอดซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ให้เหตุผลว่าความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นมาจากการปรับปรุง ‘สิ่งเล็กๆ น้อยๆ’ จำนวนมาก ทั้งคุณภาพเสียงและไมโครโฟนที่คมชัดเกินคาด จนเริ่มเหนือกว่าหูฟังแบบสแตนด์อโลน
รวมถึงคุณภาพของกล้องและ AI อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า อายุแบตเตอรี่ที่จำกัดยังคงเป็น ‘ข้อร้องเรียนอันดับหนึ่ง’ สำหรับรุ่น Ray-Ban แต่แว่น Oakley รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาให้ ‘แบตเตอรี่’ ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถใช้งานได้ถึง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเคสชาร์จยังสามารถเก็บพลังงานได้อีก 48 ชั่วโมง โดยแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นนี้มาจากการปรับปรุงสารเคมีในแบตเตอรี่ใหม่และการปรับแต่งซอฟต์แวร์
Oakley และ Ray-Ban ทั้งคู่เป็นแบรนด์ในเครือของ EssilorLuxottica SA ซึ่ง Oakley ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจาก Ray-Ban ฮิเมลกล่าวว่า Meta จะเดินหน้าเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ ภายใต้เครือ EssilorLuxottica ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราจะต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพราะในโลกของแฟชั่น สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก” เขากล่าว และหวังจะขยายไปสู่แบรนด์อื่นๆ ที่ Meta สนใจแว่น Oakley รุ่นแรกนี้ จะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 11 กรกฎาคม ก่อนจะวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
แว่นตารุ่นนี้จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, ออสเตรีย, เบลเยียม, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, สวีเดน, นอร์เวย์, ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดอุปกรณ์สวมใส่
บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Apple และ Snap ก็กำลังพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะเช่นกัน โดย Apple มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แว่นตาชิ้นแรกปลายปี 2026 ขณะที่ Amazon ก็จำหน่ายแว่นตาของตนเอง แต่รุ่นปัจจุบันยังไม่มีกล้อง
อ้างอิง: