วันนี้ (18 พฤษภาคม) พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นตรวจสอบเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีธนาคารของวัดไร่ขิง ซึ่งมีจำนวนหลายบัญชี โดยได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติงานเฉพาะกิจที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่ออำนวยความสะดวกในการสอบสวน
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินจนถึงปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่าง แย้ม (อดีตพระแย้ม) และอรัญญาวรรณ ในหลายช่องทาง ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
- บัญชีส่วนตัวของอดีตพระแย้ม: พบการโอนเงินไปยังอรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท
- บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ (เอกพจน์): ใช้ในการโอนเงินและนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีของอรัญญาวรรณผ่านตู้ธนาคารต่างๆ หลายรายการ รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท
- บัญชีบุคคลอื่น: พบชื่อบัญชีของบุคคลอีก 1 ราย โอนเงินให้อรัญญาวรรณ เป็นจำนวนเงินอีก 60 ล้านบาท
สำหรับการตรวจสอบบัญชีภายในวัดไร่ขิง พบว่ามีมากกว่า 20 บัญชี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเปิดบัญชีเฉพาะกิจ เช่น บัญชีสำหรับการเช่าบูชาพระเครื่อง กิจกรรมต่างๆ ของวัด และบัญชีของมูลนิธิภายในวัดไร่ขิงอีก 3 บัญชี ในจำนวนนี้ มี 7 บัญชีที่พนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐานในการกล่าวหา แย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ในข้อหายักยอกเงินวัด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีอื่นๆ ที่เหลืออย่างละเอียด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้สอบปากคำอดีตทหารเรือ ซึ่งเป็นลูกศิษย์และบุคคลใกล้ชิดของอดีตเจ้าอาวาส โดยพบว่ามีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์หลายคันที่แย้มใช้ในขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ซื้อรถยนต์ดังกล่าว หากพบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจน
เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะเร่งรัดการตรวจสอบและสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดไร่ขิงโดยเร็วที่สุด