Academy Awards ประกาศกฎใหม่สำหรับทั้งผู้โหวตในองค์กร รวมไปถึงนักสร้างหนังที่มีสถานะเป็นผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยและ AI โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีดังนี้
เหล่าผู้โหวตคะแนนสำหรับรางวัลออสการ์สาขาต่างๆ จะต้องรับชมผลงานภาพยนตร์ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลทั้งหมดในแต่ละสาขาให้ครบทุกเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อที่จะสามารถโหวตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้ผู้ชนะรางวัลที่เหมาะสมที่สุด โดยที่ผ่านมาทางองค์กรแค่เพียงผลักดันและสนับสนุนให้เหล่าผู้โหวตรับชมผลงานที่ได้เข้าชิงรางวัลและโหวตในสาขาที่พวกเขารู้สึกว่าตรงตามคุณสมบัติเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ภาพยนตร์ที่ผู้โหวตได้ดูไปแล้วกลับมีโอกาสในการชนะรางวัลออสการ์สูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งผู้โหวตนิรนามหลายคนยังเผยด้วยว่า พวกเขาไม่ได้ดูหนังที่ได้เข้าชิงทั้งหมดและดูหนังที่มีเนื้อเรื่องค่อนข้างยาวไม่จบเรื่อง
ข้อเปลี่ยนแปลงถัดมาว่าด้วยเรื่องของนักสร้างหนังที่มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้อพยพ โดย Academy Awards ได้อนุมัติให้ประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของนักสร้างหนังเหล่านี้สามารถเป็นตัวแทนของพวกเขาในการส่งผลงานเข้าชิงรางวัลสาขา Best International Film ได้อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ประเทศตัวแทนจะต้องคอนเฟิร์มว่า การสร้างหนังอยู่ภายใต้การควบคุมของประชาชนหรือผู้อยู่อาศัยในประเทศ ร่วมกับผู้ที่มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้อพยพในประเทศนั้นๆ
Academy Awards ยังออกมาตรการเกี่ยวกับการใช้ AI ในภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์อย่างเป็นทางการ โดยแถลงการณ์ว่า เครื่องมือ AI ไม่ได้ช่วยส่งเสริมหรือส่งผลเสียใดๆ ต่อโอกาสในการได้เข้าชิงออสการ์ โดยประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่ถกเถียงจากการที่ Brady Corbet คว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Actor จากภาพยนตร์ Brutalist ทั้งที่นักตัดต่อของหนังเรื่องที่ออกมาเผยว่าพวกเขามีการใช้ AI ช่วยให้เสียงไดอะล็อกที่ Brady Corbet พูดภาษาฮังกาเรียน
นอกจากนั้นทาง Academy Awards ยังเผยกฎสำหรับรางวัลสาขาใหม่อย่าง Best Achievement in Casting โดยหลังจากที่ผลโหวต Shortlist รอบแรกที่มีภาพยนตร์เข้าชิง 10 เรื่อง เหล่าสมาชิกแคสติ้งที่ขณะนี้มีสมาชิกเกือบ 160 ชีวิตจะได้รับเชิญให้ไปชมการนำเสนอผลงานจากภาพยนตร์เหล่านั้น รวมไปถึงได้มีช่วงตอบคำถามกับเหล่าผู้ได้เข้าชิงด้วย
ภาพ: Robert Gauthier / Los Angeles Times via Getty Images
อ้างอิง:
