กกร. ห่วงมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ บานปลาย สินค้าจีนทะลักไม่พอ ยังสวมสิทธิ์สินค้าไทย ฉุดส่งออก จี้รัฐเร่งบูรณาการข้อมูลการค้าทุกมิติ กำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัด ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงตั้งแต่ต้นปี คาด GDP ไทยปีนี้โต 2.4-2.9% จับตาความเสี่ยงสูงหลายปัจจัยกดดัน
วันนี้ (5 มีนาคม) เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 68 เติบโตได้ราว 2.4-2.9% มูลค่าการส่งออกขยายตัว 1.5-2.5% และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.8-1.2%
“ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณอ่อนแรงลง สะท้อนผ่าน GDP ไตรมาส 4/67 ที่ขยายตัวเพียง 3.2% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ราว 4% ส่งผลให้ทั้งปี 67 GDP ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าระดับศักยภาพ”
สาเหตุหลักมาจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัว สวนทางกับการส่งออกที่ยังขยายตัวดี เป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันรุนแรงจากสินค้าต่างประเทศในหลายอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ประกอบกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าทั้งแบบเจาะจง และแบบครอบคลุมวงกว้างเพิ่มเติมโดยได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้ากลุ่มรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา รวมทั้งมีแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศต่างๆ ในวงกว้างสำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ เสียเปรียบจากการถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง ซึ่งอาจทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนภาษีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-8%
“สงครามการค้าได้กดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการบริโภคและภาคบริการที่ชะลอลง ส่วนภาคอุตสาหกรรมยุโรปและญี่ปุ่นต่างหดตัวต่อเนื่อง กกร. จึง กังวล ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทย
ซึ่งแม้ตัวเลขจะเติบโต แต่สวนทางกับภาคการผลิตที่ยังเละอยู่ ไม่ได้เติบโตตาม เนื่องจากสินค้าที่ส่งออกไป อาจถูกสวมสิทธิเพื่อการส่งออก หรือนำเข้ามาผลิตในไทย แต่ใช้วัตถุดิบในไทยเพียง 10-20% เท่านั้น การผลิตที่มีส่วนก่อให้เกิดการจ้างงานสูงๆ จึงยังไม่สามารถฟื้นตัวได้” เกรียงไกรกล่าว
ผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมกระทบหนัก ทรัมป์ภาษี 25%
โดยล่าสุดสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 10% เป็น 25% และยกเลิกข้อยกเว้นรายประเทศ ข้อตกลงตามโควตา รวมทั้งยกเลิกการยกเว้นภาษีแบบรายสินค้า
โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
“กกร. เสนอขอให้ภาครัฐเร่งมีการบูรณาการข้อมูลการค้าในทุกมิติระหว่างไทยและสหรัฐฯ อาทิ ดุลการค้า ดุลภาคบริการและดิจิทัล ดุลภาคขนส่ง ดุลภาคการศึกษา เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดท่าทีร่วมกับภาคเอกชน ในการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศรวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ในการรับมือนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผลกระทบจากสงครามการค้า เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม”
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความเสี่ยงสูง สำนักวิจัยในต่างประเทศปรับลดประมาณการจีดีพีไทยลงเหลือ 2.6% จากเดิมอยู่ที่ 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้า และแรงกดดันต่อภาคการผลิตที่จะยังมีต่อเนื่องส่วนอุปสงค์ภายในประเทศยังเปราะบางสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทยที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” เกรียงไกรกล่าว
รอหนังสือตอบรับจากนายกฯ
สำหรับการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีตามข้อมูลที่ประกาศออกมานั้น ขณะนี้ ส.อ.ท. รอรับหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เป็นข้อเสนอหลัก ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมที่ไม่เติบโต สวนทางการส่งออกที่โต ซึ่งต้องจับตากลุ่มสินค้าสวมสิทธิ หรือผลิตแต่ใช้วัตถุดิบในไทยน้อยมาก ภาคยานยนต์ที่เป็นภาคใหญ่ มีการจ้างงานเยอะ แต่ยอดหายไปในปี 2567 กว่า 25% เพราะบริษัทที่มียอดขายรถกระบะขาดทุน
“อยากให้จัดตั้งกองทุนดูแลซัพพลายเชนเหล่านี้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเฉพาะจีนที่เป็นฐานนักท่องเที่ยวสำคัญ และการท่องเที่ยวยังใช้จ่ายต่อหัวน้อย กระจุกตัวในเมืองหลัก โดยเฉพาะระดับ 5 ดาว และเป็นโรงแรมต่างชาติเยอะ” เกรียงไกรกล่าว
จี้รัฐสกัดสินค้าจีนสวมสิทธิ์ส่งออก
ด้าน พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสวมสิทธิ์สินค้าไทยเกิดขึ้นอยู่รุนแรงตั้งแต่ยุคทรัมป์ 1.0 สงครามการค้าครั้งแรกที่มีสินค้าจากนอกประเทศไหลทะลักเข้ามาสวมสิทธิเป็นสินค้าไทยแล้วส่งออกไป ซึ่งในขณะนี้วิธีการเดิมก็ยังอยู่ มีการสวมสิทธิสินค้าเกิดขึ้น แต่เปลี่ยนแปลงบ้างเช่นการนำวัตถุดิบหลักจากต่างประเทศเข้ามาผลิตในไทยแต่ใช้ Local Content หรือวัตถุดิบในประเทศน้อยมาก
ซึ่งกรณีแบบนี้ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์จากการผลิตในประเทศ
“รัฐบาลต้องเร่งบังคับใช้กฎหมายปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อควบคุมสินค้าที่จะเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกรมศุลกากรเนื่องจากประเทศไทยสามารถขนส่งสินค้าเข้ามาได้ง่ายในหลายฝั่งตามชายแดน” พจน์กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: Douglis rissing, Chip somodevilla, MikeMareen / Getty Images