วันนี้ (3 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ภายหลังใช้เวลาประชุม ไม่ถึง 1 ชั่วโมง โดยตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าไปพบทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่บ้านที่พิษณุโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ทักษิณได้มีการพูดคุยกับทีมที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ทุกด้าน โดยได้มีการพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดี
ส่วนการเตรียมพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะมีการ ตั้งทีมองครักษ์นั้นยังไม่มีรายละเอียด แต่ก็ได้รับข้อมูลมามากพอสมควร เนื่องจากตนเองไม่เคยโดนอภิปรายมาก่อน แต่ยืนยันว่าต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริง และเน้นย้ำในเรื่องของข้อกฎหมาย
ส่วนจะเป็นการวัด KPI ของแต่ละกระทรวงเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า จากการพูดคุยกัน เชื่อว่าทุกกระทรวงพร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องของ KPI ถ้าจะเห็นการทำภายในกระทรวงว่ามีงานออกมาหรือไม่
เมื่อถามถึงการเตรียมข้อมูลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น แพทองธารระบุว่า ตอนนี้คงยังบอกไม่ได้ แต่ได้เตรียมเรื่องข้อมูลตัวเลขและข้อมูลที่สามารถจับต้องได้ก่อน
เมื่อถามว่า จะเป็นเวทีที่พิสูจน์ความเป็นภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านมีการตั้งญัตติถึงความเป็นภาวะผู้นำและโพลที่ออกมาประชาชนก็ยังไม่เชื่อมั่น แพทองธารกล่าวว่า ก็ต้องมีการชี้แจง ส่วนเรื่องภาวะผู้นำต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งไม่อยากจะไปชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำหรือไม่เป็นผู้นำ หรือการจะว่าใครต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่าคนอื่น ซึ่งตนก็ทำเต็มที่ เตรียมข้อมูลจริงไปเล่าให้ประชาชนฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ขณะที่โพลก็พร้อมรับฟังทุกสำนัก เพราะถือว่าได้เก็บความคิดเห็นของประชาชนบางส่วนมาแล้วและพร้อมปรับตัว และเชื่อว่าทุกกระทรวงก็พร้อมจะรับฟังความคิดเห็นและนำไปปรับปรุงในการทำงานเช่นเดียวกัน
แพทองธารย้ำว่า เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวทีที่ดี ทำให้ประชาชนได้เข้าใจถึงข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกฯ Gen Y ซึ่งเรายังไม่เคยมีนายกฯ Gen Y เพราะฉะนั้นจะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน
ยันไม่ได้ปิดปากฝ่ายค้าน
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่า ควรจะมีเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า 1 วัน ว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานมา 5 เดือน ในเมื่อจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวก็ไม่มีอะไรให้อภิปราย เหตุใดถึงไม่อภิปรายรัฐมนตรีทุกคนไปเลย หากจะอภิปรายแบบนั้น จะเอา 5 วัน ก็ให้ได้ อภิปรายคนเดียวจะเอา 3 วัน 5 วัน จะใช้เวทีนี้มาประลองฝีปากหรือ ก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมรัฐบาลมองว่า 1 วันเหมาะสมแล้วใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องของสภาที่จะตกลงกัน ตกลงมา 2 วัน รัฐบาลก็รับได้อยู่แล้ว 3 วัน 5 วัน ก็ได้ อยู่ที่สภากำหนด และรัฐบาลต้องทำตาม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแบบนี้จะถูกสังคมมองว่า ปิดปากการถ่วงดุลตรวจสอบหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวกลับทันทีว่า จะไปปิดปากอะไร พูดกันไปเรื่อย พร้อมย้ำว่า จะปิดปากอะไร จะอภิปรายเท่าไรก็ไปตกลงกันที่สภา รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว ขอให้ไปตกลงกันจะ 2 หรือ 3 วัน รัฐบาลก็พร้อม นี่เป็นเรื่องกติกาที่ต้องไปพูดคุยกัน และเมื่อคุยกันมาได้ข้อสรุปแบบนี้ จะไปปิดปากอะไร ยืนยัน ไม่มีการปิดปาก
เมื่อผู้สื่อฝ่ายค้านยืนยันว่าจะมีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นสารตั้งต้นของเรื่อง ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้พูดหลายครั้งแล้ว หากคิดว่าจะอภิปรายก็ต้องรับผิดชอบเอง
ซักฟอกคนเดียว ประท้วงวุ่นวายแน่
ขณะที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ว่า
เป็นเรื่องของฝ่ายที่ตัดสินใจ การที่ตนให้ความเห็นเพียงคิดว่าอาจจะเป็นปัญหาในแง่ของการกำหนดประเด็นในการอภิปราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว และรัฐมนตรีคนอื่นไม่ถูกอภิปรายด้วย หากจะไปโยมตามงานของกระทรวงทั้งหลาย ท้ายที่สุดไม่ได้อภิปรายรัฐมนตรีคนนั้นก็อาจจะถูกทักท้วงกัน ส่วนจำนวนวันก็ให้ตกลงกัน ฝ่ายรัฐบาลก็ให้ความเห็นว่าถ้าอภิปรายคนเดียวก็ไม่ต้องอภิปรายหลายวัน
ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่า นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลควบคุมดูทุกกระทรวงนั้น ชูศักดิ์ชี้แจงว่าระบบบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องของรัฐมนตรี ในการสั่งการซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการด้วย เพียงแค่บางเรื่องต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรี จึงมองว่าจุดนี้จะเป็นปัญหาในเรื่องของการโยงใยการกระทำของคนนั้นคนนี้ ซึ่งน่าจะมีการทักท้วงว่านี่ไม่ใช่การอภิปรายรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการรายงานนายกรัฐมนตรีโดยโยงไปถึงรัฐมนตรีคนอื่น รัฐบาลจะทักท้วงไม่ให้อภิปรายต่อใช่ ชูศักดิ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะคุยกัน ตนเพียงเกรงว่าจะเป็นปัญหาในเรื่องของการประท้วงทักท้วงต่างๆ ซึ่งจะทำให้การอภิปรายเดินไปยาก
เมื่อผู้สื่อข่าวการพูดถึงชื่อของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีการพูดกันแล้วว่าห้ามพูดถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็นซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ที่ประธาน เชื่อว่าจะต้องมีผู้ทักท้วงแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องให้การอภิปรายเดินไปได้ ไม่ใช่ว่าประท้วงกันทั้งวันทั้งคืน
นอกจากนี้ ชูศักดิ์ยังเปิดถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ว่าได้มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
ถกวิปรัฐบาลบ่ายนี้
ขณะที่ มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีซักฟอกรัฐบาลว่า วันนี้วิปรัฐบาลจะมีการประชุมกัน เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา โดยจะกำหนดวันในการอภิปรายร่วมกับฝ่ายค้าน รวมถึงหารือถึงจำนวนวันในการอภิปราย
ส่วนพรรคเพื่อไทย คาดหวังว่าจะให้มีการอภิปรายกี่วัน นั้น มนพร ระบุว่า มีหลากหลายความคิด แต่วันก่อนประธานวิปฝ่ายค้าน ได้โทรศัพท์มาประสาน ว่าที่ยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะในเนื้อหาสาระมีการทำงานของรัฐมนตรีหลายกระทรวง จึงอยากขอเพิ่มเวลาจาก 1 วันที่ตนเองเคยเสนอผ่านสื่อมวลชน ดังนั้นคงมีการพูดคุยกันในวันนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การอภิปรายไม่สามารถเอ่ยชื่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เลยใช่หรือไม่ มนพร กล่าวว่า ทักษิณ เป็นคนนอก ซึ่ง สส. ควรรู้กรอบและขอบเขตการอภิปราย ไม่ควรพาดพิงถึงบุคคลภายนอก
ส่วนจะอภิปรายได้หรือไม่ว่า ทักษิณ พูดอะไร รัฐบาลก็รับลูกนั้น มนพร กล่าวว่า เป็นความเห็นที่ฝ่ายค้านคิด สิ่งที่ทักษิณพูดคือความเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีแค่ทักษิณที่ให้คำแนะนำต่อการทำงานของรัฐบาล เพราะก็มี เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ครม. ต้องเตรียมการบ้านให้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ มนพร กล่าวว่า เจ้ากระทรวงแต่ละกระทรวงคงมีการเตรียมข้อมูลในสิ่งที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมา ถ้าทุจริตก็ต้องลุกขึ้นมาชี้แจง