วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ที่บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด จังหวัดปทุมธานี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลเมียนมาโต้กลับรัฐบาลไทย ปิดด่านชายแดนบริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 1 (ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) โดยปฏิเสธผู้ที่ถือหนังสือเดินทางข้ามแดนมายังประเทศไทยว่า ไม่น่าจะมีการตอบโต้ เพราะการดำเนินมาตรการนี้ได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อนแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นการพูดคุยแค่คืนวันนั้น แต่เคยพูดคุยกันมาก่อนแล้วที่จะต้องร่วมมือกัน และภายหลังมีมติจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังทางการเมียนมา เช่นเดียวกันกับฝ่ายทหารก็พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของทางการเมียนมา
ภูมิธรรมยืนยันว่า การเข้า-ออกบริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 1 ยังเป็นไปตามปกติ แต่ต้องควบคุมสินค้าที่เป็นสิทธิ์ต้องห้าม เช่น วันนี้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังสามารถเข้ามาเติมน้ำมันในประเทศไทยได้ ซึ่งเรายังอะลุ่มอล่วยเพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังโรงพยาบาลเมียวดีว่าหากมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลือ โรงพยาบาลแม่สอดก็พร้อมที่จะรับมาดูแลรักษา
เมื่อถามย้ำว่า ประชาชนยังสามารถข้ามด่านดังกล่าวไปมาได้ปกติหรือไม่ ภูมิธรรมยืนยันว่า ยังข้ามได้ ไม่มีปัญหา แต่อยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาตรการตัดไฟได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อน ซึ่งทางการเมียนมาติดใจอะไรหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ได้แจ้งให้ทราบ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเคารพอำนาจอธิปไตย ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าไปในประเทศเขา เพียงแต่เป็นการตัดไฟ และดูกฎหมายธุรกิจที่เป็นข้อห้ามแล้วและแจ้งทางการเมียนมาแล้ว ซึ่งข้อสัญญาที่ตกลงกันระบุว่า หากเป็นภัยความมั่นคงก็สามารถงดจ่ายหรือตัดไฟได้เลย
ส่วนมาตรการดังกล่าวจะยาวนานหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น โดยเราต้องการกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง เบื้องต้นวางกรอบเวลาไว้ประมาณ 6 เดือน และดูว่าช่วงไตรมาสแรกจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังต้องดูผลกระทบและตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เป็นเรื่องที่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มนุษยธรรม และความปลอดภัยของประชาชนด้วย ซึ่งการจะผ่อนคลายทุกอย่างก็ต้องตอบโจทย์เราด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการนี้วางกรอบเวลาไว้ประมาณ 6 เดือน หรือ 2 ไตรมาส แต่ทางฝั่งเมียนมาก็มีความต้องการใช้ไฟฟ้านั้น ภูมิธรรมระบุว่า อย่าไปเป็นห่วงเขามาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เมียนมาต้องไปกดดันให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกไป เพราะเป้าหมายของเราชัดเจน หากเขาอยากสบายขึ้นก็ต้องรีบดำเนินการ
เมื่อถามว่า หากเมียนมาแก้ไขปัญหานี้ด้วยการปิดด่านชายแดนจะกระทบเศรษฐกิจหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า การปิดด่านดังกล่าวไม่รู้ว่าจะกระทบใคร เพราะอาหารการกินทั้งหมดต้องผ่านจากฝั่งเราไป หากเขาปิดแสดงว่าเขาเตรียมตัวที่จะล็อกตัวเองให้อยู่กับความอดอยาก
เมื่อถามย้ำว่า การปิดด่านไม่น่าจะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ภูมิธรรมระบุว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งตอบแทนเขาไม่ได้ แต่คิดว่าหากปิดจริงเขาจะลำบากกว่าเรา
เมื่อถามถึงเกณฑ์การวัดผลสัมฤทธิ์ในการพิจารณาขยายหรือไม่ขยายมาตรการ ภูมิธรรมระบุว่า ต้องทำให้เห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีกระบวนการที่ลดลง และดูการข่าวว่ามีการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือยัง หากยังอยู่ก็จะต้องดำเนินมาตรการต่อไป เพราะภารกิจนี้เป็นภารกิจของประเทศและโลก ดังนั้นต้องดำเนินการ และเหนือสิ่งอื่นใดคือคนในประเทศไทยเราต้องปลอดภัย
ส่วนได้ประเมินหรือไม่ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีสายป่านยาวขนาดไหน ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้ประเมิน เดี๋ยวดูว่าจะทำได้หรือไม่ได้แค่ไหน ซึ่งขณะนี้มีการเกี่ยวพันกับเครือข่ายต่างๆ สายป่านจะยาวหรือไม่ ตนไม่รู้ พร้อมย้ำว่า เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ทัน ไม่ต้องห่วง หลายอย่างไม่สามารถพูดทางสื่อได้