วันนี้ (5 กุมภาพันธ์) สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศติดตามสถานการณ์การส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นม พบว่าไทยครองอันดับ 1 การส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของอาเซียน โดยในปี 2567 การส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมไปยังตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.5 มีมูลค่ารวม 582.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี 6 ตลาดสำคัญที่การส่งออกนมขยายตัวโดดเด่น ได้แก่ มาเลเซีย ขยายตัวถึงร้อยละ 64.3 รองลงมา ได้แก่ เวียดนาม ร้อยละ 30.4, อินโดนีเซีย ร้อยละ 27.1, สิงคโปร์ ร้อยละ 20.1, ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 19 และเมียนมา ร้อยละ 14.6
สุชาติกล่าวว่า ปัจจุบันสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมทุกรายการของไทยปลอดภาษีนำเข้าในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดแล้ว ซึ่งเป็นผลจากความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน สินค้านมที่เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว นมพร้อมดื่มยูเอชที บัตเตอร์มิลก์นมและครีม นมและครีมที่ไม่เข้มข้นและไม่เติมน้ำตาล นมถั่วเหลืองที่มีนมผสม และนมและครีมที่เข้มข้นและเติมน้ำตาล ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกหลักในปัจจุบันจากสิทธิประโยชน์จาก FTA อาเซียนนี้ ทำให้สินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยมีราคาที่แข่งขันได้ อีกทั้งคุณภาพของสินค้าและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การส่งออกสินค้านมในตลาดอาเซียนเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
“ผู้ประกอบการไทยควรใช้สิทธิ FTA เจาะตลาดสินค้านมในอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้น โดยเห็นว่า ยังมีโอกาสอีกมากจากการขยายตัวของชุมชนเมือง การบริโภคเครื่องดื่มประเภทชานม-กาแฟที่เพิ่มขึ้น ในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา, มาเลเซีย, สปป.ลาว ที่ไทยจะได้เปรียบจากระยะทางในการขนส่ง และความนิยมในสินค้าไทย ตลอดจนสิงคโปร์ตลาดศักยภาพที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศ และฟิลิปปินส์ต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์นมถึงร้อยละ 99 ของความต้องการทั้งหมดจากการขยายตัวของชนชั้นกลางและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความตกลง FTA ของอาเซียนกับคู่ค้าต่างๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปต่างๆ ไปยังตลาดนอกภูมิภาคอาเซียนด้วย เช่น จีน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ชิลี และฮ่องกง ที่ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้านมให้แก่ไทยแล้วเช่นกัน จึงขอให้ผู้ประกอบการไทยศึกษาใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ และเกาะติดทิศทางแนวโน้มของผู้บริโภคที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาสินค้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทันสมัย และมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ” สุชาติเสริม
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพิจารณาศักยภาพในการทำ FTA กับตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคแอฟริกาและอเมริกาใต้ โดยในปี 2568 ไทยกำลังเร่งสรุปผลการเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ และ FTA อาเซียน-แคนาดา ซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบและเป็นแต้มต่อที่ดีให้สินค้านมและผลิตภัณฑ์นมจากไทยให้สามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคทางการค้า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถขยายการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมได้อย่างยั่งยืนในอนาคต