ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน คำว่า ‘คริปโต’ (Crypto) อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูไกลตัวสำหรับคนไทยจำนวนมาก แต่มาวันนี้หลายคนเริ่มคุ้นชินกับคริปโต หรือแม้แต่เทคโนโลยีเบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (Blockchain) มากขึ้นเรื่อยๆ
ถามว่ามากขึ้นแค่ไหน? หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ผู้คนยอมรับ (Adoption) คริปโตมากที่สุดในโลก รั้งอันดับ 16 จากรายงาน The 2024 Global Crypto Adoption Index ของ Chainalysis
และหากคิดเป็นสัดส่วนต่อคนไทยทั้งประเทศ นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ซีอีโอของ BINANCE TH บอกว่า “ตอนนี้การยอมรับคริปโตของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 12% ซึ่งมากกว่าสัดส่วนของทั่วโลกแค่ 1%”
แม้ตัวเลข 12% อาจยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่กระแสคริปโตก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนหน้าใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาด ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากราคาของเหรียญต่างๆ โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่กว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้านบาท ช่วงปลายปีก่อน ทำให้ความสนใจต่อคริปโตกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และถ้าไปดูสถิติใน Google Trend ก็จะเห็นว่าคนไทยเสิร์ชคำว่าบิทคอยน์หรือคริปโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
\
ไม่เพียงแค่ความสนใจบนโลกออนไลน์ แต่งานใหญ่ล่าสุดของวงการคริปโตไทย ‘Street of the Future’ ที่จัดโดย BINANCE TH by Gulf BINANCE สะท้อนความตื่นตัวของผู้สนใจหน้าใหม่ต่อวงการคริปโตเป็นอย่างดี THE STANDARD WEALTH เห็นประเด็นอะไรบ้างที่ทุกคนควรรู้ มาดูกัน!
การเปลี่ยนภูมิทัศน์โลกการเงินปัจจุบันกับการมาถึงยุค Web 3.0 เป็นอย่างไร?
Web 3.0 ได้รับการพูดถึงบ่อยมากในงาน สิ่งนี้คืออะไร?
สิ่งนี้คือวิวัฒนาการของโลกอินเทอร์เน็ตที่แอดวานซ์ขึ้นไปอีกขั้น จากความสามารถในการอ่าน โต้ตอบ สร้างคอนเทนต์ บนอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้งานทุกคนจะสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น จุดสำคัญของการทำงานรูปแบบนี้คือ Decentralized หรือการเก็บข้อมูลแบบกระจายออกจากศูนย์กลาง ภายใต้การทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ใช้งานทุกคนที่อยู่ในสเตจนี้จะมีสิทธิ์ถือครองแก่ผู้ใช้งาน เช่น การเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนตัวและสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง ฉะนั้นสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือนเป็นภาพสะท้อนการมาของยุค Web 3.0 อย่างชัดเจน
คริปโตกำลังเชื่อมโยงกับชีวิตของเรามากแค่ไหน?
ถ้าใครตามข่าวอุตสาหกรรมคริปโตในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าไทยเริ่มสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการอนุญาตให้กองทุนรวมสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ หรือแม้แต่แนวคิดที่จะทดลองให้มีการใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวัน
สิ่งที่จะตามมาภายหลังการปลดล็อกจากนโยบายภาครัฐ ต่อไปการยอมรับคริปโตของคนไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเด็นที่ควรทำควบคู่กันคือ ‘การเตรียมความพร้อมของผู้คนสู่วิถีโลกการเงินยุคใหม่’ ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคริปโตจะเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจในแต่ละไซเคิล เช่นเดียวกับบุคลากรที่จะเข้ามาขับเคลื่อนวงการ การเกิดอีเวนต์จากภาคเอกชนรูปแบบนี้จึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องคริปโตไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นรูปแบบทางการเงินที่มาแน่ๆ และประเทศไทยยังมีช่องให้พัฒนาและเติบโตอีกมาก
“ตอนนี้หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าคริปโตไม่ใช่แค่การพยายามทำกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีเรื่องของความเสี่ยง พื้นฐานของเทคโนโลยีที่ต้องเข้าใจ รวมถึงการ Do Your Own Research (DYOR)”
มีมคอยน์ (Meme Coin) สินทรัพย์ที่อยู่ในบทสนทนาตลอดกาล ด้วยการสร้างมูลค่าจากไวรัล
ตลาดเหรียญมีมฮอตตลอดกาล จากการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เล่นกับกระแส การสร้างเรื่องราวเรียกคะแนนจากนักลงทุน หนึ่งในกอสซิปตลอดงานทั้ง 2 วัน คือการเก็งสถานการณ์เหรียญทรัมป์ ‘TRUMP’ บนบล็อกเชน Solana ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งราคาพุ่งสูงพอดิบพอดีระหว่างการจัดงาน Street of the Future ก่อนจะเข้ากระดานเทรด BINANCE TH เป็นที่เรียบร้อยในช่วงเวลาต่อมา
เหรียญมีมไม่มีการจำกัดปริมาณการผลิตอย่างบิทคอยน์ มีราคาถูกกว่า และเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่าการศึกษาเหรียญประเภทอื่น จึงจุดประกายความต้องการลงทุนในเหรียญประเภทนี้ทั้งนักลงทุนหน้าเก่าและหน้าใหม่ในตลาด ในฝั่งผู้ผลิต ผู้พัฒนาก็เติบโตพร้อมกับตลาด ทั้งนี้ โปรเจกต์ระดับโลกที่มาร่วมงาน ได้แก่ Memeland, MOODENG/SOL (เหรียญหมูเด้ง), PNUT (ได้รับแรงบันดาลใจจากกระรอกที่ถูกช่วยเหลือโดยศูนย์สัตว์พึ่งพิง) ฯลฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงผู้คน แปรเปลี่ยนเป็นคอมมูนิตี้จากหลากหลายประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลกอย่าง BINANCE TH ที่เปิดกว้างทางการลงทุนให้แก่ผู้ใช้งานคนไทย ด้วยการมีสกุลเหรียญดิจิทัลมากที่สุดในตลาดเป็นจำนวนมากกว่า 350 เหรียญ (ณ วันที่ 18 มกราคม 2025) และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
การเร่งสร้างบุคลากรต้นน้ำเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
ปัจจุบันคอร์สสำหรับเรียนรู้เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งก็รวมถึง BINANCE TH Academy ที่จับมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในไทย เพื่อให้ความรู้เหล่านี้ เช่น คอร์สระยะสั้นที่จัดขึ้นผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหลายแห่ง ตลอดปี 2024 มีผู้ผ่านหลักสูตรของอะคาเดมีมากกว่า 50,000 คน ครอบคลุมทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และบุคคลทั่วไป
โอกาสในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการลงทุนอีกต่อไป แต่ขยายประเด็นไปสู่ ‘โอกาสทางอาชีพ’ ทั้งนักพัฒนา นักวิเคราะห์ข้อมูล นักวิจัย หรือแม้แต่สายงานการตลาด เพราะปัจจุบันมีโปรเจกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด
ยิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมนี้ยังสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดได้ไว จะเห็นว่า Gen Z หรือ Gen Alpha หลายคนกลายเป็นเจ้าของผู้ผลิตเหรียญสำคัญเข้าสู่วงการ
Vishal Sacheendran, Head of Regional Markets ของ BINANCE มองในทิศทางเดียวกันว่า การยอมรับคริปโตในระดับโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปสู่ 10% ได้นั้นต้องอาศัย 2 ปัจจัยที่สำคัญ คือ กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของแต่ละประเทศ และการให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นในระบบการศึกษา รวมทั้งการให้ความรู้กับผู้ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลหรือแม้แต่รัฐบาล
นอกเหนือจากการให้ความรู้ในห้องเรียน ในมุมของ นที เทพโภชน์ ที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย บอกว่า คอมมูนิตี้ในไทยขยายตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะในหัวเมืองต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ และถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการ Educate ตลาดและผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
การปรากฏตัวของอีเวนต์ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอมมูนิตี้ ให้ความรู้ และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนทั้งที่เป็นคริปโตเนทีฟหรือบุคคลทั่วไป พบปะ แลกเปลี่ยน แบ่งปันมุมมองระหว่างกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวทันกับโลก Web 3.0 ที่มาถึง และทันเกมโลกการเงินที่กำลังจะเปลี่ยนไป
การเดินทางของคริปโตมาถึงจุดนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือปรากฏการณ์ชั่วคราวอีกต่อไป แต่กำลังหลอมรวมเข้ากับ ‘ไลฟ์สไตล์ของคนไทย’ มากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คอมมูนิตี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนปรับตัวและเดินหน้าสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง โดยมี ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความโปร่งใส’ เป็นที่ตั้งสำคัญ และคริปโตไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องการลงทุน แต่คือการสร้างสังคมที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง และเข้าใจถึงโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
คำถามคือ คุณพร้อมที่จะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้แล้วหรือยัง?
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้