เมื่อ 40 ปีก่อน ที่ดินชายหาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต เป็นเพียงเหมืองดีบุกร้างไร้ค่า แต่วันนี้กลับกลายเป็นรีสอร์ตหรูระดับโลกภายใต้แบรนด์ Banyan Tree ที่มีมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,700 ล้านบาท) ความสำเร็จนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของ Ho Kwon Ping นักธุรกิจที่มีประวัติชีวิตแตกต่างจากเจ้าของโรงแรมทั่วไปโดยสิ้นเชิง
“ผมไม่เคยคิดจะเป็นผู้ประกอบการมาก่อน” Ho วัย 72 ปี เล่าให้ CNBC Make It ฟัง “มันเป็นเพราะทุกครั้งที่ผมทำงานให้คนอื่น มันไม่เวิร์ก ผมเป็นคนค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง ผมจึงผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเพราะไม่มีทางเลือกอื่นมากกว่า”
Ho เกิดที่ฮ่องกงและใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ในประเทศไทย ก่อนย้ายไปสิงคโปร์ Ho Rih Hwa พ่อของเขา เป็นนักธุรกิจผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Thai Wah และเป็นผู้นำกลุ่ม Wah Chang ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายทั่วเอเชีย แม้ครอบครัวจะมีฐานะดี แต่ Ho กลับเป็นเด็กหัวรุนแรงที่ชอบท้าทายอำนาจ
ในช่วงเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ต้นทศวรรษ 1970 Ho เป็นนักกิจกรรมที่ต่อต้านสงครามเวียดนามอย่างเปิดเผย และร่วมประท้วง William Shockley นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ที่แม้จะเป็นผู้คิดค้นเซมิคอนดักเตอร์ แต่กลับมีแนวคิดเหยียดผิวรุนแรง โดยเขียนหนังสือเสนอให้ทำหมันชาวผิวดำ เหตุการณ์นี้ทำให้ Ho ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยในข้อหาปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ
เมื่อกลับสิงคโปร์ Ho ผันตัวเป็นนักข่าวอิสระให้กับนิตยสาร Far Eastern Economic Review และเขียนข่าวการเมืองวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล จนถูกจับข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ในปี 1977 ต้องติดคุกเดี่ยวเป็นเวลา 2 เดือน “มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัว เหงา ซึมเศร้า แต่ก็ทำให้ได้ครุ่นคิดถึงชีวิต” Ho เล่า
หลังพ้นโทษ Ho กลับไปทำงานที่นิตยสาร และย้ายไปฮ่องกงกับ Claire Chiang ภรรยาของเขา ทั้งคู่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านประมงเล็กๆ บนเกาะลัมมาที่ชื่อ Yung Shue Wan หรืออ่าวต้นไทร “เราไม่มีเงินพอจะอยู่บนเกาะฮ่องกงหรือเกาลูน แม้จะไม่รวย แต่เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี” Ho เล่าถึงที่มาของชื่อ Banyan Tree
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1981 เมื่อพ่อของ Ho เป็นโรคหลอดเลือดสมอง ในฐานะลูกชายคนโต เขาจึงต้องรับช่วงกิจการครอบครัวที่มีธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ก่อสร้างไปจนถึงผลิตโทรทัศน์และรองเท้า adidas “มันเป็นธุรกิจแบบจีนโพ้นทะเลทั่วไป คือทำทุกอย่างแต่ไม่เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ” Ho เล่า
หลังประสบความล้มเหลวหลายครั้ง Ho ตระหนักว่าการรับจ้างผลิตไม่ใช่ทางรอด “คุณต้องเป็นเจ้าของลูกค้า และจะทำได้ก็ต้องมีแบรนด์หรือเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ผมไม่ใช่นักเทคโนโลยี จึงต้องสร้างแบรนด์” เขากล่าว
โอกาสทองมาถึงในปี 1984 เมื่อ Ho บังเอิญเจอที่ดินชายฝั่งผืนใหญ่กว่า 550 เอเคอร์ที่อ่าวบางเทา จังหวัดภูเก็ต แม้จะเป็นเพียงเหมืองดีบุกร้าง แต่เขามองเห็นศักยภาพ จึงตัดสินใจซื้อและพัฒนาเป็น Laguna Phuket รีสอร์ตแบบครบวงจรแห่งแรกของเอเชียในปี 1987 โดยร่วมมือกับภรรยาและน้องชายซึ่งเป็นสถาปนิก
แต่ที่ดินผืนสุดท้ายไม่มีชายหาด ทำให้ไม่มีแบรนด์โรงแรมใดสนใจบริหาร Ho จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยออกแบบให้ทุกวิลล่ามีสระว่ายน้ำส่วนตัว “แนวคิดโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำทุกห้องและสปาเมืองร้อนไม่เคยมีมาก่อนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว นวัตกรรมไม่ได้หล่นมาจากฟ้า แต่เกิดจากการตอบสนองความต้องการ” Ho กล่าว
ปัจจุบัน Banyan Group มีแบรนด์ในเครือ 12 แบรนด์ โรงแรมและรีสอร์ตกว่า 80 แห่ง รวมถึงสปา แกลเลอรี และที่พักอาศัยใน 20 ประเทศ สร้างรายได้ราว 328 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 8,194 ล้านบาท) ในปี 2023 และมีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ที่ 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 8,100 ล้านบาท) แม้มูลค่าทรัพย์สินรวมที่แท้จริงของกลุ่มอาจสูงกว่านี้มาก
“หลายคนถามผมว่า ผมทรยศอุดมการณ์หรือไม่ ผมตอบว่าไม่ ผมโตขึ้น สิ่งที่ผมทำในอดีต คุณทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้ คุณจะติดคุกถาวร และมันก็ไม่มีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่เราต้องการในแง่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผมคิดว่าเรากำลังทำมันผ่าน Banyan Tree อยู่ทุกวันนี้” Ho ทิ้งท้าย ทำให้เห็นว่าแม้จะผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ แต่อุดมการณ์เพื่อสังคมยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการไปเท่านั้น
ภาพ: Jonathan Wong / South China Morning Post via Getty Images
อ้างอิง: