วันนี้ (8 มกราคม) ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการประสานงานหรือวิป 3 ฝ่าย ระหว่างวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อหารือกำหนดวันประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หลังใช้เวลาประชุมกันราว 1 ชั่วโมง 30 นาที วันมูหะมัดนอร์เปิดเผยว่า จากเดิมที่มีการกำหนดว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมจำนวน 17 ฉบับ ในวันที่ 14-15 มกราคมนั้น แต่เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าการแก้ไขทั้งฉบับต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบหลายด้าน จึงขอนำไปพิจารณาก่อน รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะมีการยื่นร่างเข้ามาเพิ่มอีก และยังไม่ทราบว่าจะมีพรรคอื่น หรือภาคประชาชนจะเสนอเข้ามาด้วยหรือไม่
ฉะนั้นจึงขอเวลา โดยจะมีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 หมวด 15/1 ในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเมื่อมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับเสร็จแล้ว การทำประชามติก็สามารถไปใช้ร่างที่สภาผู้แทนราษฎรยืนยันได้ หากเป็นเช่นนั้นจะทำประชามติ 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ส่วนในวันที่ 14 มกราคมที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบังคับการประชุมร่วม
ส่วนที่จำเป็นต้องเลื่อนประชุมไป 1 เดือนนั้น วันมูหะมัดนอร์ระบุว่า เนื่องจากในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย พิจารณาร่วมกันว่า ถ้าพิจารณาเสร็จเร็วก็ต้องรอกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 180 วัน แต่ขณะนี้เหลือ 100 กว่าวัน จึงคิดว่าต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมมองว่าไม่ช้าเกินไป อย่างไรก็ต้องรอ เพราะอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบ
ด้าน วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องเลื่อนเวลาออกไป 1 เดือน เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ทาง สว. ก็ยืนยันว่าต้องมีการนำไปพิจารณา แต่การที่จะไปกำหนดระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะหลายคนก็มีภารกิจหลายอย่าง ฉะนั้นเรื่องนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ดีของทั้ง 3 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ให้แต่ละพรรคร่วมที่คิดจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ไปเตรียมการ แต่เราไม่สามารถตอบได้ว่าพรรคอื่นจะยื่นหรือไม่ ซึ่งเราต้องให้โอกาสเขาด้วย
ขณะที่ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านมองว่าการเลื่อนออกไป 1 เดือนอาจจะช้าเกินไป เดิมขอให้เลื่อนออกไปเพียง 2 สัปดาห์เพราะอยากให้มีการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการให้มากที่สุด ซึ่งเป็นชั้นที่สำคัญจึงอยากให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่เมื่อทางวุฒิสภาอยากมีเวลาพิจารณาเพิ่มเติม เราจึงหาตรงกลาง ฉะนั้นจึงคิดว่าการเลื่อนออกไปก็ไม่ได้กระทบกับกรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติมากนักแม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ขณะที่ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะวิปวุฒิสภา กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ และจากการที่ได้คุยนอกรอบกับพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าจะมีการยื่นร่างประกบเข้ามา จึงคิดว่าวุฒิสภาต้องใช้เวลาในการศึกษา และทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการที่จะพูด รวมถึงมุมมองแตกต่างกัน จึงขอความกรุณาจากฝ่ายค้านและรัฐบาล และสามารถหากรอบระยะเวลาที่ลงตัวกันได้ ส่วนประเด็นที่จะมีการแก้ไขมาตรา 256 และให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมายกร่างนั้น สว. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา จึงขอระยะเวลาในการศึกษา