แค่จัดโปรโมชันอย่างเดียวไม่พอแล้ว แบรนด์ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วย ‘เดอะมอลล์’ ชี้ พร้อมประเมินบรรยากาศจับจ่ายปี 2025 คึกคักรับอานิสงส์มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 และตรุษจีน แต่ยังต้องรัดเข็มขัดองค์กรรองรับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน
วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพว่า ภาพรวมการจับจ่ายในปี 2025 มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีงานอีเวนต์ปีใหม่ วันเด็ก ตามด้วยมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 และวันตรุษจีน โดยงานทั้งหมดเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในไตรมาสแรกให้คึกคักมากขึ้น
เมื่อมาดูสินค้าขายดีอันดับต้นๆ จะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่และเครื่องสำอาง ในช่วงนี้ร้านค้าต่างๆ พยายามกระตุ้นการขายด้วยการจัดโปรโมชันดึงลูกค้าเป้าหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันแค่การจัดโปรโมชันไม่พอแล้ว พนักงานขายจะต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้เข้ามาใช้บริการ เพราะนอกจากจะขายสินค้าได้แล้ว ถ้าบริการดียังช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช่นเดียวกับ ‘เดอะมอลล์’ ปลุกมู้ดกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการจัดงานเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ JOY LUCK LOVE CHINESE NEW YEAR 2025 : ปีมะเส็ง เฮงมาหา ซึ่งเป็นแคมเปญแรกของปี โดยใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในส่วนของการจัดโปรโมชันของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ตลอดจนกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลในเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา และเดอะมอลล์โคราช
อีกหนึ่งไฮไลต์ของปีคือการชวน ดร.คฑา ชินบัญชร นักพยากรณ์และประธานคณะกรรมการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย-จีน มาทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้ามังกรเขียวจากวัดทิพยวารีวิหาร (กัมโล่วยี่) มาประดิษฐานที่วิหารเทพเจ้ามังกรเขียวอัครทิพย์วารีจำลอง เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน เพื่อเปิดให้ลูกค้าเข้ามาสักการะเทพเจ้ามังกรเขียว ซึ่งจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าได้มากขึ้น
มั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะสอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งในส่วนมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ หรือเงิน 10,000 เฟส 2 สนับสนุนการบริโภคในประเทศ ทั้งการใช้จ่ายในการซื้อของ ไหว้ ให้อั่งเปาลูกหลาน โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้ธุรกิจในช่วงเดือนแรกของปีเติบโต 10%
สอดคล้องไปกับศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 3.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคบริการที่คาดว่าจะเติบโตราว 4.0% ซึ่งน่าจะมาจากการกระตุ้นการใช้จ่าย และการกระตุ้นการท่องเที่ยวของทุกภาคส่วน
“แม้ธุรกิจจะยังเห็นสัญญาณบวกของการเติบโต แต่เรายังต้องประเมินความท้าทายของทิศทางเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 มองว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งต้องจับตาดูนโยบายต่างๆ ว่าจะกระทบกับประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน” วรลักษณ์ย้ำ
อีกทั้งในปีนี้มีปัจจัยของราคาสินค้าที่กระทบบ้าง เพราะต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่อาจจะกระทบกับ SMEs ด้วยความไม่แน่นอนหลายอย่าง เดอะมอลล์ต้องปรับตัวในเชิงของกลยุทธ์ และจะต้องโฟกัสแต่สิ่งสำคัญ มีแผน 1 แผน 2 อยู่ตลอด ควบคู่ไปกับการรัดเข็มขัดเพื่อรองรับความเสี่ยงรอบด้าน