แบงก์ชาติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% ต่อปีเพื่อเก็บกระสุน เหตุมองเศรษฐกิจในระยะใกล้ยังไปได้ พร้อมคงแนวโน้ม GDP ไว้เท่าเดิม แต่มองว่าความเสี่ยงในระยะยาวกว่าอาจสูงขึ้นในอนาคต
วันนี้ (18 ธันวาคม) สักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวในงานแถลงข่าว หลังจาก กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อปี โดยระบุว่า จากแถลงการณ์ของคณะกรรมการฯ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาพื้นที่ในการดำเนินนโยบาย (Policy Space) ไว้ เนื่องจากคณะกรรมการฯ มองว่าความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ามีค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจยังไปได้ หลังเห็นตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 และตัวเลขส่งออกนั้นออกมาค่อนข้างดี โดย ธปท. มองว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ทั้งในไตรมาสนี้และไตรมาสหน้า
กระนั้น “ความไม่แน่นอนต่างๆ ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และยากที่จะคาดเดาว่าผลของความไม่แน่นอนจะเป็นอย่างไร เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและนโยบายต่างๆ คณะกรรมการฯ จึงขอความชัดเจนในการประเมินก่อน” สักกะภพกล่าว
พร้อมทั้งยืนยันอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.25% เป็นกลาง (Neutral Rate) กล่าวคือไม่ได้กระตุ้นและไม่ได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจ
สักกะภพย้ำอีกว่า คณะกรรมการฯ ยังค่อนข้างเปิดกว้าง (Open) และพร้อมพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยหากมีความจำเป็นหรือหากเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมีปัญหาชัดเจน
โดยในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า “ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงจากหลายปัจจัย เช่น ทิศทางนโยบายการค้าโลก นโยบายการเงินจากประเทศเศรษฐกิจหลัก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อต่อภาวะการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม”
การส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายจากการหั่นครั้งที่ผ่านมา ‘ค่อนข้างดี’
สักกะภพเปิดเผยอีกว่า การส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ ‘ค่อนข้างดี’ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2565-2566 ซึ่งเป็นช่วงที่ กนง. ขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) ที่มีอัตราการส่งการผ่านถึงระดับ 61% เทียบกับ 49% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยอัตราการส่งผ่านระหว่างปี 2565-2566 และสูงกว่าอัตราการส่งผ่านไปยังลูกหนี้รายใหญ่ (MLR) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55%
คงประมาณการ GDP แต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงจะโตต่ำกว่าคาด
ในประมาณการล่าสุด กนง. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.7% และ 2.9% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สักกะภพยอมรับว่าประมาณการดังกล่าวมีความเสี่ยงเบ้ต่ำ หรือเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่า 2.9%