×

Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุน DiaMonTech สตาร์ทอัพผู้พัฒนานวัตกรรมวัดระดับกลูโคสแบบแม่นยำโดยไม่ต้องเจาะเลือด

13.11.2024
  • LOADING...
Disrupt Health Impact Fund

Disrupt Technology Venture หรือ Disrupt เดินหน้ายกระดับระบบนิเวศเฮลท์แคร์ หลังเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งล่าสุดประกาศเข้าลงทุนในบริษัท DiaMonTech สตาร์ทอัพ DeepTech สัญชาติเยอรมัน ผู้คิดค้นและเป็นเจ้าของหลายสิทธิบัตรนวัตกรรมการตรวจวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด

 

ด้านพันธมิตรร่วมลงทุนกองทุน Disrupt Health Impact Fund เผยว่ามีนักลงทุนร่วมเพิ่มจาก 4 เป็น 7 ราย และยังคงเปิดรับพันธมิตรเพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบดูแลรักษาสุขภาพ (Healthcare) ของเมืองไทยให้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก พร้อมมองหาโอกาสลงทุนในบริษัท DeepTech ด้านเฮลท์แคร์ในไทยและต่างประเทศให้ครบ 15 บริษัทตามแผนภายใน 3-5 ปีจากนี้ โดยย้ำว่า HealthTech เป็นโอกาสทั้งจากสัดส่วนประชากรที่กำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยและแนวโน้มอายุขัยเฉลี่ยพลเมืองโลกที่มีอายุยืนขึ้น

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกองทุน Disrupt Health Impact Fund, กองทุน 500 TukTuks และ ORZON Ventures คาดการณ์ว่ามูลค่าเศรษฐกิจโลกในปี 2586 จะเติบโตถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,379 ล้านล้านบาท โดยมีเฮลท์แคร์เป็น 1 ใน 3 ตัวขับเคลื่อนหลัก ด้วยแนวโน้มสังคมสูงวัย ผนวกกับเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่นำไปสู่การพลิกโฉมทางการแพทย์

 

นอกจากนี้ ตลาดการดูแลตัวเองหรือ Self-Care เป็นตลาดที่ต้องจับตา ทั้งการผลักดันแนวคิดการดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่าของหน่วยงานรัฐทั่วโลกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาด Self-Care Medical Device ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตจาก 24,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 825,000 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มเป็น 42,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,440,000 ล้านบาทในปี 2575

 

จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาด การลงทุนใน DiaMonTech จึงเป็นโอกาสสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เพราะการตรวจวัดค่าน้ำตาลเป็นที่ต้องการมากในตลาด และมีมูลค่าตลาดรวมขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยและกลุ่มคนทั่วไป ที่สำคัญคือเป็นโซลูชันที่ขยายได้ทั่วโลก

 

จันทนารักษ์ ถือแก้ว กรรมการผู้จัดการ Disrupt Technology Venture และผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวว่า “เรายินดีกับโอกาสในการเข้าลงทุน DiaMonTech ผู้คิดค้นและเป็นเจ้าของหลายสิทธิบัตรนวัตกรรมการตรวจวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด เพียงวางนิ้วมือบนเครื่อง 30 วินาทีก็สามารถวัดค่าได้ ทำให้วัดได้บ่อยและสะดวก เหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานกว่า 530 ล้านรายทั่วโลก เพราะเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ใช้เวลานานในการรักษาและอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ โดยประเทศไทยมีผู้เป็นเบาหวานถึง 5.2 ล้านคน หรือ 1 ใน 11 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าเทคโนโลยีของ DiaMonTech จะช่วยให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่ายและยังได้ข้อมูลให้แพทย์สามารถติดตามอาการได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตผู้คนในการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นเบาหวาน”

 

ณรัณภัสสร์ ฐิติพัทธกุล ผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และกระบวนการวิเคราะห์คัดเลือกบริษัทในการเข้าไปลงทุนว่า กองทุน Disrupt Health Impact Fund เฟ้นหาสตาร์ทอัพทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย และคัดเพียง 97 รายที่ตรงกับเกณฑ์ ก่อนคัดเหลือ 49 รายและนำไปวิเคราะห์เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการลงทุน ซึ่งมี DiaMonTech เพียงรายเดียวที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนมากของทั้งผู้บริหารกองทุน ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากเครือโรงพยาบาลสมิติเวช และคณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์และวิศวกรรมจากทางมหาวิทยาลัยมหิดล

 

ธอร์สเทน ลูบินสกี ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร DiaMonTech กล่าวว่า เครื่องวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด หรือ D-pocket ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขอการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ก่อนนำออกสู่ตลาด การได้รับเงินลงทุนและความร่วมมือจากกองทุน Disrupt Health Impact Fund ครั้งนี้เป็นโอกาสและจังหวะที่ดีสำหรับ DiaMonTech ในการขยายและเชื่อมต่อโอกาสให้กับกลุ่มผู้ป่วยและผู้ที่ต้องการดูแลระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งในประเทศไทย เพราะกองทุนไม่เพียงแต่ให้เงินลงทุน แต่ยังมีเครือข่ายที่เชี่ยวชาญด้านเฮลท์แคร์ทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งแพลตฟอร์มระบบนิเวศของ Disrupt ที่จะช่วยให้ DiaMonTech สามารถนำนวัตกรรมดังกล่าวเข้าไปสู่ผู้คนได้มากและเร็วขึ้น

 

กองทุน Disrupt Health Impact Fund มีเป้าหมายลงทุนระยะแรกราว 17-50 ล้านบาทต่อ 1 บริษัท โดย 3-5 ปีจากนี้มีแผนลงทุนใน 15 บริษัท DeepTech ด้านเฮลท์แคร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยนโยบายลงทุน 5 ด้านคือ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง (Self-Care), เวชศาสตร์ป้องกันโรค (Preventive Care), ผู้สูงวัย (Silver Age), การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) และโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) โดยเฟ้นหานวัตกรรมระดับโลกออกสู่ตลาดแล้ว (Commercialized) หรืออยู่ระหว่างการวิจัยในคน (Clinical Trial) เพื่อขอการรับรองจาก FDA

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising