อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคัก! รัฐบาลไทยเตรียมทุ่มงบ 9.7 หมื่นล้านบาท เร่งขยายสนามบินและสร้าง รันเวย์ ใหม่ในสนามบิน 6 แห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2032
Nikkei Asia รายงานว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สร้างเงินสะพัดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปจนถึงปีหน้า เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าวประเทศไทยได้เตรียมงบประมาณ 2.86 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 9.7 หมื่นล้านบาทแบ่งใช้หลายส่วน เริ่มตั้งแต่ขยายพื้นที่รองรับผู้โดยสารในสนามบินหลักทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โดยประกอบไปด้วยสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง รวมถึงสนามบินในต่างจังหวัด ทั้งภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ และเชียงราย ส่วนงบที่เหลือจะแบ่งไปใช้สร้าง รันเวย์ ใหม่ ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
เมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 246.5 ล้านคนภายในปี 2032 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจาก 116 ล้านคนในเดือนกรกฎาคม 2024
ในส่วนแผนงานของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ล่าสุดเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 หรือรันเวย์ 3 ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสนามบิน มีความกว้าง 60 เมตร และความยาว 4,000 เมตร โดยจะรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
รวมถึงยังวางแผนติดตั้งระบบจดจำใบหน้าให้ผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนข้อมูลหนังสือเดินทางและสแกนใบหน้าที่เคาน์เตอร์เช็กอินได้ หลังจากนั้นก็ไม่ต้องแสดงหนังสือเดินทางและบอร์ดดิ้งพาสอีกตั้งแต่จุดฝากสัมภาระไปจนถึงประตูขึ้นเครื่อง เรียกได้ว่าผู้โดยสารจะมีความสะดวกมากขึ้น
ทั้งหมดอยู่ในแผนงานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และดูแลโครงการขยายสนามบิน โดยแผนการขยายสนามบินของ AOT ก็สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันการท่องเที่ยว โดยปี 2025 ประเทศไทยตั้งเป้าจะมีเที่ยวบินรวมถึง 1 ล้านเที่ยวต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จากปีงบประมาณ 2024
ทั้งนี้ ในปี 2023 AOT สร้างรายได้รวมเพิ่มขึ้นราว 170% หรือ 4.8 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากการขาดทุนที่ 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2022
ปัจจุบันรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนถึง 20% ของ GDP ที่ผ่านมาประเทศไทยพยายามผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างหนัก และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการยกเว้นวีซ่าให้กับหลายประเทศมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์มองว่าการลงทุนที่มากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2024 ยังอยู่ที่ 80% ขณะที่สถานการณ์ประเทศอยู่บนความไม่แน่นอน โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองที่ยังน่ากังวล
หลังจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปัจจุบันก็ต้องเผชิญกับคดีความที่อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน หากสังเกตจะเห็นว่าโครงการต่างๆ ของประเทศมักจะถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
อ้างอิง: