ถ้าคุณตกหลุมรักนิวยอร์กด้วยความเป็นศูนย์กลางแห่งความซิวิไลซ์รอบด้าน ไม่ว่าจะวัฒนธรรม งานศิลป์ ความบันเทิง รวมไปถึงแฟชั่น เราเชื่อว่าคุณจะตกหลุมรัก The Manner โรงแรมใหม่ในทำเลทองย่าน SoHo ที่เพิ่งเปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์ความเป็นอยู่ที่ให้มากกว่าที่พักและความสะดวกในการคอนเน็กต์กับแหล่งช้อปหลากสไตล์ ตั้งแต่ร้านโลคัลไปจนถึงระดับลักชัวรี แถมยังมีร้านอาหารและบาร์เก๋ๆ ที่น่าเช็กอินอีกเพียบ
Why here?
‘The Manner’ ชื่ออันเรียบง่ายที่สะท้อนถึงวิถีการต้อนรับอันอบอุ่นราวกับการค้างแรมที่บ้านเพื่อนคนสนิท คอนเซปต์การเข้าพักที่นี่เลยค่อนข้างแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปด้วยการเน้นความ Seamless ขั้นสุด ไม่มีการเซ็นบิลค่าอาหารหรืออะไรใดๆ ระหว่างการพัก ไม่ต้องทำเรื่องเช็กเอาต์ แค่คืนบัตรก็ก้าวออกจากโรงแรมได้ แล้วโรงแรมจะส่งบิลมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายเองในภายหลัง เรียกง่ายๆ ว่าเหมือนแวะมานอนเล่นบ้านเพื่อน (เทสต์ดี) ของแท้
ด้วยความที่ The Manner อยู่ภายใต้เครือ Standard Hotels ก็วางใจได้กับเรื่องดีไซน์ ทันทีที่ก้าวเข้ามายังล็อบบี้ก็ต้องสะดุดตากับการตกแต่งสไตล์ Contemporary ที่สอดแทรกความหรูหราผสานกับความคราฟต์ในทุกดีเทลผ่านมันสมองของ Verena Haller, Chief Design Officer จาก Standard International และ Hannes Peer Architecture สถาปนิกจากมิลาน ร่วมกับนักออกแบบมือฉมังอีกหลายชีวิต อย่าง Ceramic Wall Art ที่เห็นบริเวณล็อบบี้ได้ Giovanni De Francesco สถาปนิกชาวอิตาลีมาร่วมออกแบบ ในขณะที่เสา Totem เป็นผลงานของสถาปนิกชาวเดนมาร์กอย่าง Nicholas Shurey
ภาพ: Chris Mottalini
เดินขึ้นบันไดไปหนึ่งชั้นจะเจอกับ The Apartment เอ็กซ์คลูซีฟเลานจ์สำหรับแขกผู้เข้าพักที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายเหมือนอยู่บ้าน โดยแขกสามารถแวะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ มิงเกิลกับชาว The Manner พลางเอ็นจอยกับขนมและเครื่องดื่ม Complimentary ที่โรงแรมเตรียมให้ได้
ภาพ: Chris Mottalini
ภาพ: Chris Mottalini
ภาพ: Chris Mottalini
อีกเอ็กซ์คลูซีฟสเปซคือ The Rooftop พื้นที่ดาดฟ้าที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วง Spring 2025
งานนี้เราถือโอกาส Sneak Peek บรรยากาศให้ผู้อ่านชาว LIFE ชมกันเล็กน้อย
แค่เห็นไวบ์ก็ไม่ต้องบอกว่าช่วงกลางคืนเหมาะกับการปาร์ตี้และนั่งชิลดื่มด่ำกับวิวสุดตระการตาของมหานครนิวยอร์กมากแค่ไหน
มาในส่วนของห้องพักกันบ้าง ที่นี่มีทั้งหมด 97 ห้อง แบ่งเป็น 10 Suites ขนาด 300-850 ตารางฟุต และ 1 Duplex Penthouse ขนาด 2 ชั้นบนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางฟุต ที่พร้อมจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้
ส่วนห้องที่เราพักคือ Superior Corner King Room ขนาด 280 ตารางฟุต ตกแต่งในโทนอบอุ่นและโอบล้อมด้วยกระจกใหญ่รอบด้าน จะแต่งองค์ทรงเครื่องมุมไหนก็สะดวก พักคนเดียวก็ชิล มากับเพื่อนหรือคู่รักก็ไม่ต้องเบียด
หากสังเกตจะเห็นว่าภายในห้องไม่มีทีวี ซึ่งเป็นความตั้งใจของ The Manner ที่อยากให้ผู้เข้าพักเอ็นจอยกับประสบการณ์นอกจอมากขึ้น
ลองเปิดตู้หน้ากระจกก็ไม่คิดว่าจะเจอกับตู้เย็น ภายในมี Complimentary Drink เป็น Still และ Sparkling Water (อร่อยมาก) จาก Saratoga เรียงรายเป็นระเบียบ ส่วนตู้ด้านซ้ายเป็นที่เก็บแก้วลายสวยจาก Max ID NY ตอบโจทย์สายดริงก์ดีทีเดียว
หันหลังกลับไปก็ต้องสะดุดตากับเฟอร์นิเจอร์บนหัวเตียงหน้าตาเก๋คล้ายลำโพงที่มีหลอดไฟซ่อนอยู่ด้านหลัง พอลองเชื่อมต่อกับบลูทูธเล่นๆ ก็พบว่ามันคือลำโพงของจริงและเป็นแบรนด์คุณภาพจาก Dampf
กวาดสายตาถัดมาก็เจอกับโซฟาตัวยาว แชนเดอเลียร์สุดหรู พร้อมหน้าต่างที่เหมาะจะมานั่งปล่อยใจลอยไปกับเมฆตรงหน้า
ก่อนจะเลี้ยวไปสำรวจห้องน้ำ ขอสำรวจตู้เสื้อผ้าสีน้ำเงินเคลือบแล็กเกอร์เงาวับสักนิด ข้างในมีไม้แขวนเสื้อสีแดงกำมะหยี่ สลิปเปอร์สีทองจาก Lenys World ตู้เซฟ และไดร์เป่าผม
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยหินอ่อน แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน Amenities ที่เห็นเป็นของแบรนด์รักษ์โลกอย่าง Costa Brazil ที่ใช้ส่วนผสมธรรมชาติจากป่าแอมะซอน บอกเลยว่ากลิ่นหอมหรูหราสุดๆ
ในส่วนของแอ็กเซสซอรีไม่ว่าจะเป็นแก้ว ถาดรอง หรือที่เก็บสำลีสุดหรู ล้วนมาจากแบรนด์อันเลื่องชื่ออย่าง Decor Walther ถูกใจคนที่ชอบสีทองแน่นอน
หลังจากเต็มอิ่มกับการนอนก็ตื่นมาเติมพลังกับอาหารเช้าที่ The Apartment ใช่แล้ว พื้นที่แห่งนี้จะถูกเนรมิตเป็น Breakfast Corner สวยเก๋ยามเช้าพร้อมเบเกอรีและเครื่องดื่ม
สิ่งที่เราประทับใจขั้นสุดคือเบเกอรี สายออกกำลังหรือคุมน้ำหนักเป็นที่รู้กันว่าการจะกินเบเกอรีชิ้นยักษ์หมดชิ้นเป็นอะไรที่ต้องคิดหนักนิดหนึ่ง แต่พอได้ลิ้มลองแต่ละเมนูของที่นี่แล้วตามใจตัวเองบ้างก็ดี อร่อยทุกอย่าง (โดยเฉพาะ Cinnamon Roll)
หลังจากที่หมดช่วงเวลาอาหารเช้าแล้วโรงแรมจะไม่เก็บค้างคืน ดังนั้นแขกคนไหนที่ติดใจก็ขอแพ็กติดมือไปซ้ำในมื้ออื่นได้
หากใครแวะไปเดินเล่นแล้วอยากกลับมาหาอะไรกินในโรงแรมช่วงกลางวัน บ่าย หรือแม้กระทั่งมื้อเย็น แนะนำให้ลองแวะมา The Otter ร้านอาหาร All Day Seafood โดยเชฟ Alex Stupak ผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิง James Beard รางวัลอันทรงเกียรติสำหรับร้านอาหารและเชฟของอเมริกา
จุดเด่นของร้านคือซีฟู้ดคุณภาพดีที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันรวมถึงบรรยากาศ ซึ่งเราเชื่อว่าใครที่เห็นผลงานภาพบนผนังในร้านเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายแน่
ภาพ: Chris Mottalini
ผลงานดังกล่าวมีชื่อว่า ‘A take on Modern Renaissance’ รังสรรค์โดย Elvira Solana ศิลปินชาวสเปนที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตวัยเด็กในซานโตญา ประเทศสเปน รวมทั้งการเดินทางในอินเดียและตุรกี
ด้วยความที่เราแวะไปช่วงกลางวันเลยลองเมนู Lunch เบาๆ อย่าง Shrimp & Rice Bowl (28 ดอลลาร์) เสิร์ฟแบบเย็น เนื้อกุ้งสดกรอบเด้ง กินคู่กับข้าวและถั่วได้เท็กซ์เจอร์ที่เคี้ยวมันไปอีกแบบ แพริ่งกับไวต์ไวน์ก็ยิ่งเหมาะ
ส่วนใครเป็นสายบาร์ก็ไม่ต้องไปไหนไกล แวะไปที่ Sloane’s ค็อกเทลบาร์ที่แนวดนตรีจะเปลี่ยนไปตามบรรยากาศในแต่ละวัน ที่นี่มีสปิริตให้เลือกหลากหลายตลอดจนไวน์คุณภาพเยี่ยม
แต่มาทั้งทีก็ควรลองค็อกเทลหน่อย เราลองเป็น Toreador (24 ดอลลาร์) เบสเป็นเตกีลาสองตัว เพิ่มความซาบซ่าด้วยพริกโปบลาโน มะนาว แต่ยังคงดื่มง่ายด้วยความหอมหวานจากแอปริคอต เป็นบาร์ที่นั่งฟังเพลงได้ยาวไปทั้งคืน
Worth it
- ห้องพักใหญ่หรูมีสไตล์ ทุกเอเลเมนต์ในห้องคืองานคราฟต์ที่ลงตัว
- ทำเลทองใจกลาง SoHo ขาช้อปสาแก่ใจแน่นอน
- Seamless Stay ไม่ต้องห่วงเรื่องเซ็นบิล ไม่ต้องทำเรื่องเช็กเอาต์ กิน นอน อยู่จบแล้วค่อยมาจ่ายทีหลัง
- The Apartment คอมมอนสเปซที่แวะมานั่งชิลกินขนมได้ทั้งวัน
- มีบาร์และร้านอาหารครบ ไวบ์ดี เซอร์วิสยอดเยี่ยม
Good for
ถ้าคุณมองหาโรงแรมในนิวยอร์กที่ให้มากกว่าการเป็นที่ค้างแรม The Manner เป็นตัวเลือกที่ใช่ ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร บรรยากาศอบอุ่นเหมือนมานอนอพาร์ตเมนต์เพื่อนที่ชอบสะสมของเก๋และเสพศิลป์เป็นชีวิตจิตใจ
ภาพ: วริศรา ลิ้มอนันตระกูล, Chris Mottalini
The Manner
Address: 58 Thompson Street, New York, 10012
Budget: เริ่มต้นที่ 899 ดอลลาร์++
Website: https://themanner.com/new-york-soho
Instagram: https://www.instagram.com/themanner/
Map: https://maps.app.goo.gl/YWvQbuLt3unjHfwh7