Watami เจ้าของร้านอิซากายะที่โด่งดังในญี่ปุ่น เข้าซื้อกิจการ Subway ร้านแซนด์วิชชื่อดัง กระโดดเข้าสู่ตลาดแซนด์วิชเพราะโตแรงและคู่แข่งน้อย มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายและกำไรโตในระยะยาว
Watami เป็นบริษัทแฟรนไชส์รายใหญ่ในญี่ปุ่น มีชื่อเสียงในการดำเนินธุรกิจร้านอิซากายะมากว่า 40 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารทั้งหมด 319 แห่งในญี่ปุ่น ที่ผ่านมาตลาดร้านอิซากายะนั้นมีการแข่งขันสูงและไม่ได้เติบโตมากนักถ้าเทียบกับตลาดอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ที่มีการเติบโตขึ้นทุกปีและตลาดยังมีช่องว่างอยู่อีกมาก
ทำให้บริษัทเข้าซื้อกิจการ Subway เพื่อขยายสู่ธุรกิจฟาสต์ฟู้ดและรองรับการเติบโต ซึ่งได้ลงนามในสัญญาแฟรนไชส์หลักเป็นระยะเวลา 10 ปี ทำให้บริษัทได้รับสิทธิดูแล ธุรกิจ Subway ในประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ประมาณ 180 สาขา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ชวนวิเคราะห์ ‘Subway’ หลัง PTG เข้าซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ จะทำให้แซนด์วิชในไทยขายดีได้หรือไม่?
- Subway แฟรนไชส์ร้านแซนด์วิชพร้อมขายกิจการแล้ว! ด้วยมูลค่าสูงกว่า 334,000 ล้านบาท
- ยกเครื่องเมนูใหม่ได้ผล ยอดขายรายสัปดาห์ของ Subway ในสหรัฐฯ เพิ่มมากสุดในรอบ 8 ปี
“ต่อจากนี้จะเริ่มขยายสาขา Subway อีก 25 สาขาภายใน 1 ปี และตั้งเป้าจะขยาย สาขา Subway ให้ได้มากกว่า 430 สาขาภายใน 10 ปีข้างหน้า บริษัทเชื่อว่าธุรกิจนี้จะช่วยสร้างการเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไรได้เป็นอย่างดี” มิกิ วาตานาเบะ ประธานบริษัท Watami กล่าว
เบื้องต้นไม่ได้เปิดเผยมูลค่าในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ด้าน จอห์น ชิดซีย์ ซีอีโอของ Subway กล่าวต่อไปว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่จะทำให้ Subway เติบโตอย่างมีนัยสำคัญและยั่งยืน สะท้อนจากยอดขายในญี่ปุ่นเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยตัวเลขรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งหมดนี้มาจากจุดแข็งของ Subway คือ การบริหารจัดการต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่ได้ด้วยการเปิดร้านในพื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดร้านสะดวกซื้อทั่วไป และไม่มีการใช้เตาไฟในการปรุงอาหาร โดยปัจจุบัน Subway มีสาขาประมาณ 37,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านั้นตลาดร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในญี่ปุ่นของปี 2023 โดยเฉพาะประเภทแซนด์วิช มีมูลค่ารวมประมาณ 1.2 หมื่นล้านเยน แม้การเติบโตจะตามหลังตลาด แฮมเบอร์เกอร์และไก่ทอดอยู่ แต่ตลาดแซนด์วิชมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 26% ต่อปี เพราะมีคู่แข่งน้อยและเป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคหลายคนกังวลว่าเมนูจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่ง Watami ย้ำว่ารายการเมนูจะยังเหมือนเดิม แต่จะมีการพัฒนาเมนูเฉพาะออกมา โดยจะใช้ วัตถุดิบจากฟาร์มออร์แกนิกมาเป็นส่วนผสม ซึ่งจะช่วยให้รักษาฐานลูกค้าเดิมและยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
มิกิ วาตานาเบะ ประธานบริษัท Watami กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากร้านอิซากายะและ Subway แล้ว บริษัทยังมีธุรกิจร้านอาหารอเมริกัน TGI Fridays ที่เปิดให้บริการ มาตั้งแต่ปี 1999 ปัจจุบันมีเพียง 13 สาขาในญี่ปุ่น แต่จะให้ Subway เป็นธุรกิจเรือธงที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของกลุ่มบริษัทให้มีรายได้แตะ 1 ล้านล้านเยนภายในปี 2048
อ้างอิง: